191...ก็ไปจากแคว้นกาลิลีจนถึงแคว้นยูเดีย คืออีกฟากของแม่น้ำจอร์แดน 2มหาชนยังคงติดตามพระองค์ไป และพระองค์รักษาโรคของพวกเขาให้หายขาดที่นั่น
3พวกฟาริสีบางคนมาทดสอบพระองค์โดยถามว่า
พวกฟาริสี
ถูกต้องตามกฎหรือไม่ ถ้าผู้ชายจะหย่าร้างภรรยาด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม
4พระองค์กล่าวตอบว่า
พระเยซู
ท่านไม่เคยอ่านหรือว่า พระองค์ผู้ได้สร้างมนุษย์แต่แรกเริ่ม ได้สร้างทั้งชายและหญิง 5และกล่าวว่า ‘ด้วยเหตุนี้ ผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไป และผูกพันอยู่กับภรรยาของตน และทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียว’* 6ดังนั้นเขาไม่ใช่คนสองคนอีกต่อไป แต่เป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้นอะไรก็ตามที่พระเจ้าได้เชื่อมสัมพันธ์กันแล้ว ก็อย่าให้ผู้ใดแยกจากกันเลย
7พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า
พวกฟาริสี
แล้วทำไมโมเสสจึงออกคำสั่งให้ยื่นใบหย่า แล้วสามารถหย่าร้างภรรยาได้
8พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า
พระเยซู
เป็นเพราะความแข็งกระด้างในจิตใจของท่าน โมเสสจึงได้อนุญาตให้ท่านหย่าร้างจากภรรยา แต่มิได้เป็นเช่นนั้นในปฐมกาล 9เราขอบอกท่านว่า ใครก็ตามที่หย่าร้างจากภรรยาของตนและไปสมรสกับหญิงอื่นนับว่าผิดประเวณี ยกเว้นกรณีที่ภรรยาประพฤติผิดทางเพศ
10เหล่าสาวกพูดกับพระองค์ว่า
บรรดาสาวกของพระเยซู
ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับภรรยาเป็นเช่นนี้ การที่ไม่สมรสก็จะดีกว่า
11พระองค์กล่าวว่า
พระเยซู
มิใช่ทุกคนที่สามารถรับข้อนี้ได้ มีเพียงบางคนที่พระเจ้าจะให้รับได้เท่านั้น 12เพราะมีพวกขันทีที่เป็นแต่กำเนิด บ้างก็เป็นพวกที่มนุษย์กระทำให้เป็น และบ้างก็ไม่สมรสเพื่ออาณาจักรแห่งสวรรค์ ใครที่สามารถรับข้อนี้ได้ก็ให้เขารับไป
13ครั้นแล้วมีคนนำเด็กๆ มาหาพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้วางมือทั้งสองบนตัวพวกเขาและอธิษฐานให้ แต่บรรดาสาวกห้ามไว้ 14พระเยซูกล่าวว่า
พระเยซู
ปล่อยให้เด็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามพวกเขาเลย เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของคนอย่างเด็กเหล่านี้
15หลังจากพระองค์ได้วางมือทั้งสองบนตัวพวกเขา และอธิษฐานให้ แล้วพระองค์ก็จากที่นั่นไป
16ครั้งหนึ่งมีคนหนึ่งมาถามพระองค์ว่า
ชายหนุ่มที่รวย
อาจารย์ ข้าพเจ้าควรจะทำอะไรที่ประเสริฐ เพื่อได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์
17พระองค์กล่าวว่า
พระเยซู
ทำไมท่านจึงถามเราว่าอะไรประเสริฐ มีเพียงผู้เดียวที่ประเสริฐ แต่ถ้าท่านปรารถนาจะได้ชีวิต ก็จงปฏิบัติตามพระบัญญัติ
18เขาพูดว่า
ชายหนุ่มที่รวย
ข้อไหนบ้าง
พระเยซูกล่าวว่า
พระเยซู
อย่าฆ่าคน อย่าผิดประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ 19จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า และจงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง*
20ชายหนุ่มพูดกับพระองค์ว่า
ชายหนุ่มที่รวย
สิ่งเหล่านี้ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอยู่แล้ว ข้าพเจ้ายังขาดอะไรอีก
21พระเยซูกล่าวว่า
พระเยซู
ถ้าท่านอยากเป็นผู้ที่ดีเพียบพร้อมทุกประการ ก็จงไปขายสิ่งของที่ท่านมีเพื่อแจกจ่ายให้แก่คนยากไร้ แล้วท่านจะมีสมบัติในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด
22เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้ยินคำที่กล่าวแล้ว ก็เดินจากไปด้วยความเศร้า เพราะเขาเป็นคนที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย
23พระเยซูกล่าวกับพวกสาวกว่า
พระเยซู
เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ยากที่คนมั่งมีจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ 24เราขอบอกเจ้าอีกว่า ตัวอูฐจะผ่านเข้ารูเข็มก็ยังจะง่ายกว่าที่คนมั่งมีจะเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า
25เมื่อพวกสาวกได้ยินดังนั้นก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักและพูดว่า
บรรดาสาวกของพระเยซู
แล้วใครเล่าที่จะรอดพ้นได้
26พระเยซูมองดูพวกเขาแล้วกล่าวว่า
พระเยซู
เป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะช่วยตนเองให้รอดพ้น แต่ไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าที่พระเจ้าจะทำได้
27เปโตรพูดตอบพระองค์ว่า
ซีโมนเปโตร
ดูเถิด พวกเราได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์มา แล้วพวกเราจะได้รับอะไร
28พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า
พระเยซู
เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ในโลกใหม่เมื่อบุตรมนุษย์นั่งบนบัลลังก์อันสง่างามของท่าน พวกเจ้าที่ติดตามเราก็จะนั่งบนบัลลังก์ทั้งสิบสองและตัดสินความ 12 เผ่าของอิสราเอลด้วย 29ทุกคนที่สละบ้าน พี่น้องชายหญิง พ่อแม่ ลูกๆ หรือไร่นาเพื่อนามของเรา เขาจะได้รับจากพระเจ้ามากเป็น 100 เท่า และจะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 30แต่มีคนจำนวนมากที่เป็นคนแรกก็จะเป็นคนสุดท้าย และคนสุดท้ายก็จะเป็นคนแรก
201อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเสมือนเจ้าของที่ดินคนหนึ่งที่ออกไปจ้างคนมาทำงานในสวนองุ่นของเขาแต่เช้าตรู่ 2เมื่อเขาได้ตกลงจ่ายคนงาน 1 เหรียญเดนาริอันสำหรับวันนั้นแล้ว ก็ให้พวกคนงานไปในสวนองุ่นของเขา 3ประมาณ 9 โมงเช้า เขาก็ออกไปอีก เห็นคนยืนออกันในย่านตลาดโดยไม่ทำอะไรเลย 4เขาพูดกับคนเหล่านั้นว่า ‘ท่านไปทำงานในสวนองุ่นได้เช่นกัน เราจะจ่ายท่านอย่างยุติธรรม’ ดังนั้นพวกเขาก็ไป 5เวลาเที่ยงวันและบ่าย 3 โมงเขาก็ออกไปอีก ทำเหมือนเดิม 6ประมาณ 5 โมงเย็น เขาออกไปพบคนอื่นยืนอยู่ จึงถามว่า ‘ทำไมท่านยืนกันอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย’ 7พวกเขาพูดว่า ‘เพราะไม่มีใครจ้างเรา’ เจ้าของสวนพูดว่า‘ท่านไปทำงานในสวนองุ่นได้เช่นกัน’ 8พอตกเย็น เจ้าของสวนองุ่นพูดกับหัวหน้าคนงานว่า ‘จงเรียกพวกคนงานมา และจ่ายค่าจ้างแก่เขา ให้คนกลุ่มหลังสุดมาก่อน ไล่ไปจนถึงคนแรกสุด’ 9เมื่อพวกคนที่รับจ้างตอน 5 โมงเย็นมา เขาทุกคนได้รับ 1 เหรียญเดนาริอัน 10พอถึงพวกคนที่รับจ้างตอนแรกสุดมา พวกเขาคิดว่าจะได้รับมากกว่า แต่ทุกคนได้รับ 1 เหรียญเดนาริอันเช่นกัน 11เมื่อพวกเขาได้รับแล้วก็บ่นพึมพำกับเจ้าของสวนว่า 12‘คนพวกสุดท้ายนี้ทำงานเพียงชั่วโมงเดียว แล้วท่านจ่ายให้เท่ากับเราขณะที่เราต้องตรากตรำทนแดดมาทั้งวัน’ 13เจ้าของสวนพูดตอบคนหนึ่งในพวกนั้นว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราไม่ได้กระทำผิดต่อท่านเลย ท่านไม่ได้ตกลงรับ 1 เหรียญเดนาริอันจากเราหรือ 14จงรับส่วนที่เป็นของท่านไปเถิด เราต้องการให้แก่คนพวกสุดท้ายนี้เท่าๆ กับที่เราให้แก่ท่าน 15เราไม่มีสิทธิ์ทำตามที่เราต้องการกับสิ่งที่เป็นของเราหรือ หรือว่าท่านอิจฉาเพราะเราเอื้อเฟื้อ’ 16ฉะนั้นคนสุดท้ายจะเป็นคนแรก และคนแรกเป็นคนสุดท้าย
17ขณะที่พระเยซูกำลังขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์พาเพียงสาวกทั้งสิบสองไปพูดตามลำพังว่า
พระเยซู
18ดูเถิด พวกเรากำลังจะขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม บุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวให้แก่พวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ และพวกเขาจะกล่าวโทษให้ท่านถึงแก่ความตาย 19และจะมอบตัวท่านให้บรรดาคนนอกล้อเลียน โบยและตรึงบนไม้กางเขน* แล้วในวันที่สามจะฟื้นคืนชีวิต
20ขณะนั้นภรรยาและบุตรทั้งสองของเศเบดีมาหาพระองค์ นางก้มกราบขอร้องสิ่งหนึ่งจากพระองค์ 21พระองค์กล่าวกับนางว่า
พระเยซู
ท่านต้องการอะไร
นางพูดว่า
ภรรยาของเศเบดี
โปรดรับสั่งว่าบุตรทั้งสองของข้าพเจ้าจะได้นั่งในอาณาจักรของพระองค์ คนหนึ่งทางด้านขวาและอีกคนหนึ่งทางด้านซ้ายของพระองค์
22แต่พระเยซูกล่าวตอบว่า
พระเยซู
พวกเจ้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังขออะไร เจ้าสามารถดื่มจากถ้วยที่เราจะดื่มได้หรือ
พวกเขาตอบว่า
ยากอบ&ยอห์นเป็นสาวก
เราทำได้
23พระองค์กล่าวกับเขาว่า
พระเยซู
ถ้วยของเรานั้นเจ้าจะดื่ม แต่จะนั่งทางขวามือและทางซ้ายมือของเรานั้น ไม่ใช่สิทธิ์ของเราที่จะให้ แต่เป็นที่สำหรับบรรดาผู้ซึ่งพระบิดาของเราได้เตรียมให้ไว้
24เมื่อสาวก 10 คนได้ยินดังนั้นก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น 25พระเยซูจึงเรียกพวกเขามาหาและกล่าวว่า
พระเยซู
เจ้าก็รู้อยู่ว่า พวกที่อยู่ในระดับปกครองของบรรดาคนนอกนั้นย่อมมีสิทธิอำนาจเหนือพวกเขา และคนใหญ่คนโตของเขาใช้อำนาจกับพวกเขา 26แต่มิใช่เช่นนั้นในพวกเจ้า ใครก็ตามที่อยากจะเป็นใหญ่ในพวกเจ้าต้องเป็นผู้รับใช้ของเจ้า 27และใครก็ตามที่อยากเป็นคนแรกในพวกเจ้า ต้องเป็นทาสรับใช้เจ้า 28แม้แต่บุตรมนุษย์ก็ไม่ได้มาเพื่อให้ผู้ใดรับใช้ แต่มาเพื่อจะรับใช้ และเพื่อมอบชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่แก่คนเป็นอันมาก
29ขณะที่พระองค์และเหล่าสาวกกำลังออกไปจากเมืองเยริโค มหาชนก็ติดตามพระองค์ไป 30ชายตาบอด 2 คนนั่งอยู่ข้างถนนได้ยินว่าพระเยซูกำลังเดินผ่านมาจึงร้องตะโกนขึ้นว่า
ชายตาบอดสองคนชุดที่สอง
พระองค์ท่าน บุตรของดาวิด โปรดเมตตาพวกเราด้วย
31ฝูงชนห้ามพวกเขาและบอกให้เงียบเสีย แต่เขายิ่งตะโกนดังมากขึ้นว่า
ชายตาบอดสองคนชุดที่สอง
พระองค์ท่าน บุตรของดาวิด โปรดเมตตาพวกเราด้วย
32พระเยซูหยุดเดินและเรียกเขามาพูดว่า
พระเยซู
เจ้าต้องการจะให้เราทำอะไรให้เล่า
33พวกเขาพูดว่า
ชายตาบอดสองคนชุดที่สอง
พระองค์ท่าน ช่วยให้ตาของเรามองเห็นเถิด
34พระเยซูมีความสงสารจึงแตะที่ตาของเขา ในทันใดนั้นทั้ง 2 คนก็มองเห็นได้และตามพระองค์ไป
*19:5 ฉบับปฐมกาล 2:24
*19:19 ฉบับอพยพ 20:12-16, เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-20, เลวีนิติ 19:18
*20:19 ตรึงบนไม้กางเขน เป็นการตายที่ทารุณและเจ็บปวดที่สุดที่ชาวโรมันรู้จัก ใช้เฉพาะฆาตกรรายเหี้ยมที่สุด และตามกฎแล้วประชาชนชาวโรมันเองไม่ต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน