ประวัติศาสตร์ของความเมตตาในการไถ่ถอน

โรม 9:1-11:36

img

91ข้าพเจ้าขอบอกความจริงในพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่พูดเท็จ มโนธรรมของข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า 2ข้าพเจ้าเศร้าใจยิ่งนัก และปวดร้าวใจอย่างไม่มีสิ้นสุด 3ถ้าเป็นไปได้ ข้าพเจ้ายินดีจะรับการสาปแช่งและถูกตัดขาดจากพระคริสต์ เพื่อพี่น้องของข้าพเจ้า คือบรรดาพี่น้องร่วมชาติ 4พวกเขาเป็นชาวอิสราเอล ซึ่งได้รับการยกฐานะเป็นบุตร ได้รับพระบารมี พันธสัญญานานา กฎบัญญัติ ได้นมัสการที่พระวิหาร และพระสัญญาต่างๆ 5ทั้งบรรพบุรุษก็เป็นของพวกเขาด้วย พระคริสต์ได้กำเนิดเป็นมนุษย์โดยสืบเชื้อสายมาจากชนชาติของพวกเขา สรรเสริญพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสรรพสิ่งตลอดกาล อาเมน
6แต่มิใช่ว่าคำกล่าวของพระเจ้าไม่บรรลุผล ด้วยว่าทุกคนที่สืบตระกูลมาจากอิสราเอลนั้นหาได้เป็นชาวอิสราเอลทุกคนไม่ 7และมิใช่ว่าทุกคนที่สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมเป็นบุตรแท้ด้วย แต่
“บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสอัคจะนับได้ว่าเป็นบุตรของเจ้า”*
8คือไม่ใช่บรรดาบุตรทางสายเลือดที่เป็นบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบรรดาบุตรทางพระสัญญาที่ถูกนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสาย 9ด้วยว่าพระสัญญาคือคำที่กล่าวไว้ว่า
“ตามกำหนดเวลานี้เราจะมา
และนางซาราห์จะได้บุตรเป็นชาย”*
10และไม่เพียงเท่านั้น แต่นางเรเบคคาด้วย คือเมื่อนางตั้งครรภ์แฝดโดยชายคนหนึ่ง คืออิสอัคบิดาของเรา 11ถึงแม้ว่าแฝดคู่นั้นยังไม่เกิดมา และยังไม่ได้กระทำดีหรือชั่วแต่ประการใด เพื่อจะได้เป็นไปตามจุดประสงค์ของพระเจ้าที่ได้เลือกไว้ 12ไม่ใช่เป็นเพราะการปฏิบัติตน แต่เป็นเพราะพระองค์ผู้เป็นฝ่ายที่เรียก พระเจ้าพูดกับนางว่า
“คนพี่จะรับใช้คนน้อง”*
13ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“ยาโคบนั้นเรารัก แต่เอซาวเราชัง”*
14แล้วเราจะว่าอย่างไร พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ
ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น
15เพราะพระองค์กล่าวกับโมเสสว่า
“เรามีความเมตตาให้กับผู้ใด
เราก็จะเมตตาผู้นั้น
และเรามีความสงสารให้กับผู้ใด
เราก็จะสงสารผู้นั้น”*
16ฉะนั้น จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความประสงค์หรือความมานะพยายามของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับความเมตตาของพระเจ้า 17ข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า
“เราแต่งตั้งเจ้าขึ้นมาเพราะจุดประสงค์นี้เอง
เพื่อเราจะได้แสดงอานุภาพของเราให้ปรากฏในตัวเจ้า
และเพื่อนามของเราจะได้ถูกประกาศไปทั่วโลก”*
18ฉะนั้น พระเจ้ามีความเมตตาต่อคนที่พระองค์ประสงค์จะเมตตา และพระองค์ทำให้คนมีใจแข็งกระด้างตามที่พระองค์ประสงค์ 19แล้วท่านก็จะพูดกับข้าพเจ้าว่า “แล้วทำไมพระเจ้ายังตำหนิเราอยู่อีก มีใครจะขัดขืนความตั้งใจของพระองค์ได้เล่า” 20มนุษย์เอ๋ย ท่านเป็นใครกันจึงพูดตอกกลับพระเจ้า
“สิ่งที่ถูกปั้นขึ้นจะพูดกับผู้ปั้นได้หรือว่า ‘ทำไมท่านจึงปั้นเราแบบนี้’*”
21และช่างปั้นหม้อไม่มีสิทธิ์เอาดินจากก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะสำหรับการใช้งานอันมีเกียรติ และภาชนะสำหรับใช้สอยธรรมดาด้วยหรือ 22แม้ว่าพระเจ้าประสงค์จะแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของพระองค์ และให้อานุภาพเป็นที่ประจักษ์ แต่พระองค์ก็ยังได้อดทนมากต่อบรรดาผู้เป็นภาชนะที่ถูกปั้นไว้เพื่อการทำลาย แล้วใครจะว่าอย่างไร 23และถ้าพระองค์ทำเช่นนั้น เพื่อแสดงพระบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งมีต่อบรรดาภาชนะที่ถูกปั้นล่วงหน้าเพื่อรับความเมตตา แล้วใครจะว่าอย่างไร 24แม้แต่พวกเราเองพระองค์ก็ได้เรียกให้มา พระองค์ไม่ได้เรียกมาจากหมู่ชนชาติยิวเท่านั้น แต่มาจากหมู่คนนอกด้วย 25ดังที่พระองค์กล่าวไว้ในฉบับโฮเชยาว่า
“เราจะเรียกพวกเขา
ซึ่งไม่ใช่ชนชาติของเราว่า
‘ชนชาติของเรา’
และเรียกชนชาติ
ซึ่งไม่ใช่ที่รักว่า ‘ที่รัก’”*
26“และ ณ ที่ซึ่งพระเจ้ากล่าวว่า
‘เจ้าไม่ใช่ชนชาติของเรา’
พระเจ้าจะเรียกเขาว่า
‘บรรดาบุตรของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่’”*
27อิสยาห์กล่าวถึงอิสราเอลด้วยเสียงอันดัง ว่า “แม้จำนวนชนชาติอิสราเอลเปรียบได้เท่าเม็ดทรายในทะเล แต่จะมีเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่จะรอดพ้น 28ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษโลกอย่างรวดเร็วและครบถ้วน”*
29ตามที่อิสยาห์ได้กล่าวล่วงหน้าไว้ว่า
“ถ้าพระผู้เป็นเจ้าจอม
โยธาไม่ได้เหลือผู้สืบวงศ์ตระกูลไว้ให้พวกเรา
พวกเราคงกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และเป็นเช่นเมืองโกโมราห์”*
30แล้วเราจะว่าอย่างไร แม้ว่าพวกคนนอกไม่ได้มุ่งหาความชอบธรรม แต่ก็ยังได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ 31ส่วนพวกอิสราเอลมุ่งหาความชอบธรรมตามกฎบัญญัติ แต่ก็ปฏิบัติตามกฎนั้นไม่สำเร็จ 32เพราะอะไร ก็เพราะพวกเขาไม่ได้มุ่งหาตามความเชื่อ แต่คิดว่าได้มาโดยการปฏิบัติ พวกเขาสะดุดก้อนหินที่ทำให้สะดุดนั้น 33ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน
ที่เป็นเหตุให้คนสะดุด
และเป็นหินที่ทำให้พวกเขาล้มลง
และผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย”*
101พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่ง และอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อชาวอิสราเอล คือให้พวกเขาได้รอดพ้น 2เพราะข้าพเจ้าสามารถเป็นพยานให้พวกเขาได้ว่า เขาเอาจริงเอาจังต่อพระเจ้า แต่ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขามิได้มีพื้นฐานอยู่บนความรู้ที่แท้จริง 3ด้วยว่า พวกเขาขาดความรู้เรื่องความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้า และพยายามก่อตั้งความชอบธรรมแบบของตนเองขึ้น พวกเขาไม่ได้ยอมอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า 4พระคริสต์เป็นจุดจบของกฎบัญญัติ เพื่อทุกคนที่เชื่อจะได้มีความชอบธรรม
5โมเสสเขียนไว้ว่า ความชอบธรรมที่ถือตามกฎบัญญัติคือ “คนที่ถือตามพระบัญญัติจะได้ชีวิตโดยการปฏิบัติตามพระบัญญัติ”* 6แต่ความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อกล่าวว่า “อย่านึกในใจว่า ‘ใครจะขึ้นไปสวรรค์’”* (หมายถึงขึ้นไปเพื่อพาพระคริสต์ลงมา) 7“หรือ ‘ใครจะลงไปถึงขุมนรก’”*(หมายถึงลงไปเพื่อพาพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย) 8แต่พระคัมภีร์ระบุว่าอย่างไร “คำกล่าวอยู่ใกล้ท่าน คืออยู่ในปากและในจิตใจของท่าน”* นั่นคือคำกล่าวแห่งความเชื่อซึ่งเรากำลังประกาศอยู่ 9ด้วยว่าถ้าท่านยอมรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูเป็นพระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจของท่านว่า พระเจ้าได้ให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว ท่านก็จะรอดพ้น 10เพราะผลที่ได้จากการเชื่อด้วยใจคือการพ้นผิด และผลที่ได้จากการสารภาพจากปากคือความรอดพ้น 11ตามที่พระคัมภีร์ระบุว่า “ใครก็ตามที่เชื่อพระองค์ จะไม่ได้รับความอับอาย”* 12ไม่มีความแตกต่างระหว่างชาวยิวและชาวกรีก เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกันนั้น เป็นพระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง และให้พรอย่างล้นเหลือแก่ทุกคนที่ออกพระนามของพระองค์ 13เพราะมีบันทึกไว้ว่า “ทุกคนที่ออกพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจะรอดพ้น”*
14ฉะนั้นแล้ว พวกเขาจะออกพระนามของพระองค์ได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่ได้เชื่อ และเขาจะเชื่อพระองค์ได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน และเขาจะได้ยินได้อย่างไรหากไม่มีผู้ประกาศ 15และพวกเขาจะประกาศได้อย่างไร นอกจากว่าจะมีผู้ส่งเขาไป ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “ดีเหลือเกินที่พวกเขามาพร้อมกับข่าวประเสริฐ”* 16แต่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ยอมรับข่าวประเสริฐ เพราะอิสยาห์กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้า ใครบ้างที่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากเราแล้ว”* 17ดังนั้นความเชื่อจึงมาจากการได้ยินคำประกาศ คือได้ยินเรื่องของพระคริสต์
18แต่ข้าพเจ้าถามว่า จริงหรือที่ว่า พวกเขาไม่เคยได้ยินคำประกาศ พวกเขาได้ยินแล้วอย่างแน่นอน ด้วยว่า
“เสียงของสิ่งเหล่านั้นได้กระจายออกไปทั่วแหล่งหล้า
และคำประกาศได้แผ่กระจายไปจนสุดขอบโลก”*
19ข้าพเจ้าถามอีกว่า ชนชาติของอิสราเอลไม่ทราบหรือ แรกทีเดียวโมเสสกล่าวว่า
“เราจะกระตุ้นให้พวกเจ้าอิจฉาพวกที่ไม่ใช่ประชาชาติ
เราจะทำให้พวกเจ้าโกรธด้วยประชาชาติที่ไม่มีความเข้าใจ”*
20และอิสยาห์กล้ากล่าวว่า
“พวกคนที่ไม่ได้แสวงหาเราได้พบเรา
เราปรากฏแก่พวกที่ไม่ได้ถามหาเรา”*
21พระเจ้าได้กล่าวถึงพวกอิสราเอลดังนี้คือ “ตลอดทั้งวันเรายื่นมือของเราให้แก่พวกคนที่ไม่เชื่อฟังและขัดขืน”*
111ข้าพเจ้าจึงถามว่า พระเจ้าทอดทิ้งชนชาติของพระองค์หรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าเองก็เป็นชาวอิสราเอล เป็นผู้สืบเชื้อสายคนหนึ่งของอับราฮัม มาจากเผ่าเบนยามิน 2พระเจ้ายังไม่ได้ทอดทิ้งชนชาติของพระองค์ ซึ่งได้เลือกไว้ตั้งแต่แรก ท่านไม่ทราบหรือว่า พระคัมภีร์ระบุถึงอะไรในข้อความที่เกี่ยวกับเอลียาห์ ว่าท่านกล่าวติเตียนพวกอิสราเอลต่อพระเจ้าอย่างไร 3“พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาได้ฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ แท่นบูชาของพระองค์เขาก็ได้ทำลายเสีย เหลือแต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียว และพวกเขาก็หาทางกำจัดชีวิตของข้าพเจ้า”* 4และพระเจ้าตอบเอลียาห์ว่าอย่างไร “เราได้ไว้ชีวิต 7,000 คนที่ไม่ได้ก้มกราบเทพเจ้าบาอัล”* 5เช่นเดียวกันคือ ในเวลานี้มีเหลือไม่กี่คนที่ได้รับเลือกไว้โดยพระคุณ 6แต่ถ้าเป็นไปโดยพระคุณ ก็ไม่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ มิฉะนั้นพระคุณก็ไม่ใช่พระคุณ
7ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร ชนชาติอิสราเอลไม่ได้พบสิ่งที่ตนแสวงหา แต่ผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ กลับเป็นผู้ได้รับสิ่งนั้น ส่วนคนที่เหลือก็ถูกทำให้ใจแข็งกระด้างไป 8ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“พระเจ้าได้ให้วิญญาณที่เงื่องหงอย
ตาที่มองไม่เห็น
และหูที่ไม่ได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้”*
9และดาวิดกล่าวว่า
“ให้งานเลี้ยงฉลองของพวกเขา
กลายเป็นบ่วงแร้วและกับดัก
เป็นเครื่องกีดขวางให้สะดุด
และเป็นการคืนสนองแก่เขา
10ให้ตาของเขามืดลงเพื่อให้มองไม่เห็น
และหลังโค้งค่อมตลอดกาล”*
11ฉะนั้น ข้าพเจ้าถามอีกว่า พวกเขาสะดุดจนล้มคะมำลงหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น แต่เป็นเพราะการกระทำผิดของพวกเขาเอง ความรอดพ้นจึงได้มายังบรรดาคนนอก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาอิจฉา 12แต่ถ้าการกระทำผิดของพวกเขาเป็นเหตุให้โลกได้รับพระพรยิ่งใหญ่ และการสูญเสียของพวกเขาเป็นเหตุให้บรรดาคนนอกได้รับพระพรยิ่ง แล้วพระพรจะทวียิ่งขึ้นเพียงไร เมื่อรวบรวมพวกเขาได้จนครบบริบูรณ์
13แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดกับท่านผู้เป็นบรรดาคนนอก ตราบเท่าที่ข้าพเจ้าเป็นอัครทูตมายังบรรดาคนนอก ข้าพเจ้านับว่างานรับใช้ของข้าพเจ้าสำคัญมาก 14เผื่อว่าข้าพเจ้าอาจจะกระตุ้นให้พี่น้องร่วมชาติกับข้าพเจ้าเกิดอิจฉาขึ้นมา และจะได้ช่วยพวกเขาบางคนให้รอดพ้นได้ 15ถ้าการที่พระเจ้าไม่ยอมรับพวกเขา เป็นเหตุให้โลกคืนดีกับพระเจ้าได้ แล้วจะเป็นอย่างไร เมื่อพระเจ้ายอมรับพวกเขา ก็จะเป็นอย่างคนตายที่ได้ชีวิตกลับคืนมา 16และถ้าแป้งนวดส่วนที่มอบให้เป็นผลแรกบริสุทธิ์ ทั้งก้อนก็บริสุทธิ์ด้วย* และถ้ารากบริสุทธิ์ กิ่งก้านก็บริสุทธิ์ด้วย
17แต่ถ้าบางกิ่งถูกหัก และท่านที่เป็นต้นมะกอกป่าถูกต่อกิ่งเข้ากับต้น และได้รับน้ำเลี้ยงจากรากอันสมบูรณ์จากต้นมะกอกนั้น 18ดังนั้น อย่าหยิ่งผยองกับกิ่งก้านที่หักออก ถ้าท่านเป็นเช่นนั้นก็จงจำไว้ว่า ไม่ใช่ตัวท่านที่ค้ำจุนราก แต่เป็นรากที่ค้ำจุนท่าน 19แล้วท่านก็จะพูดว่า “กิ่งก้านถูกหักออก เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ถูกต่อกิ่งเข้ากับต้น” 20ถูกต้องทีเดียว เขาถูกหักออกเพราะความไม่เชื่อของเขา แต่ท่านยืนหยัดได้ด้วยความเชื่อของท่าน อย่าคิดยโสเลย แต่จงมีความเกรงกลัวเถิด 21ด้วยว่าถ้าพระเจ้าไม่ได้เก็บกิ่งก้านเดิมของต้นไว้แล้ว พระองค์ก็จะไม่เก็บท่านไว้ด้วยเช่นกัน 22ฉะนั้นจงดูความกรุณาและความเข้มงวดของพระเจ้า พระองค์เข้มงวดต่อผู้หลงผิด แต่สำหรับท่าน พระองค์มีความกรุณาต่อท่าน ถ้าท่านดำรงตนเพื่อรับความกรุณาจากพระองค์ต่อไป มิฉะนั้นท่านจะถูกตัดออกด้วย 23พวกเขาด้วย ถ้าเขาหันมาเชื่อพระเจ้า ก็จะถูกต่อกิ่งเข้าไว้ เพราะพระเจ้าสามารถต่อกิ่งเข้าอีกได้ 24เพราะถ้าท่านถูกตัดออกจากต้นมะกอกป่าที่เป็นต้นไม้ป่า และถูกต่อกิ่งเข้ากับต้นมะกอกบ้านซึ่งผิดธรรมชาติของมันแล้ว พวกกิ่งก้านที่ถูกตัดจากต้นมะกอกบ้านจะต่อเข้ากับต้นเดิมของมันเองได้ง่ายยิ่งกว่าเพียงไร
25พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบถึงสิ่งลึกลับซับซ้อนนี้ ท่านจะได้ไม่คิดว่าท่านปัญญาดีเหลือเกิน ชนชาติอิสราเอลบางคนมีใจแข็งกระด้าง จนกว่าบรรดาคนนอกจะเข้าหาพระเจ้าครบบริบูรณ์ตามจำนวน 26แล้วพวกอิสราเอลทั้งหมดจะรอดพ้น ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“องค์ผู้ช่วยปลดปล่อยจะมาจากศิโยน
พระองค์จะกำจัดความไร้คุณธรรมจากผู้สืบเชื้อสายของยาโคบ
27นี่คือพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับพวกเขา
เมื่อเราลบล้างบาปของเขาออก”*
28เท่าที่เกี่ยวข้องกับข่าวประเสริฐแล้ว พวกเขาเป็นศัตรูก็เพื่อผลประโยชน์ของท่าน แต่เท่าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกของพระเจ้าแล้ว พวกเขาเป็นที่รักได้ก็เพราะบรรพบุรุษ 29ด้วยว่าพระเจ้าไม่เปลี่ยนใจในการมอบสิ่งใดๆ ให้หรือการเรียกผู้ใด 30พวกท่านก็เหมือนกัน คือเมื่อก่อนท่านไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้ท่านได้รับความเมตตาจากพระเจ้าเพราะความไม่เชื่อฟังของพวกเขา 31ในเวลานี้ พวกเขาก็เช่นกันที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และเขาจะได้รับความเมตตาด้วย เพราะความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อท่าน 32ด้วยว่าพระเจ้าได้ให้คนทั้งปวงเป็นเหมือนนักโทษที่ถูกกักขังอยู่ในการไม่เชื่อฟัง เพื่อว่าพระองค์จะได้แสดงความเมตตาแก่ทุกคนได้
33โอ พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้าลึกล้ำยิ่งนัก ข้อตัดสินของพระองค์ยากที่จะหยั่งถึงได้ และทางของพระองค์ยากที่จะเข้าใจได้
34“ใครทราบความคิดของพระผู้เป็นเจ้าได้
หรือใครเป็นที่ปรึกษาของพระองค์”*
35“หรือใครเคยให้อะไรแก่พระองค์
ที่พระองค์ควรให้ตอบแทนแก่เขา”*
36ด้วยว่าทุกสิ่งมาจากพระองค์ โดยผ่านมาทางพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระบารมีจงมีแด่พระองค์ตลอดกาล อาเมน

*9:7 จากฉบับปฐมกาล 21:12
*9:9 จากฉบับปฐมกาล 18:10,14
*9:12 จากฉบับปฐมกาล 25:23
*9:13 จากฉบับมาลาคี 1:2,3
*9:15 จากฉบับอพยพ 33:19
*9:17 จากฉบับอพยพ 9:16
*9:20 จากฉบับอิสยาห์ 29:16, 45:9
*9:25 จากฉบับโฮเชยา 2:23
*9:26 จากฉบับโฮเชยา 1:10
*9:28 จากฉบับอิสยาห์ 10:22,23
*9:29 จากฉบับอิสยาห์ 1:9
*9:33 จากฉบับอิสยาห์ 8:14, 28:16
*10:5 จากฉบับเลวีนิติ 18:5
*10:6 จากฉบับเฉลยธรรมบัญญัติ 30:12
*10:7 จากฉบับเฉลยธรรมบัญญัติ 30:13
*10:8 จากฉบับเฉลยธรรมบัญญัติ 30:14
*10:11 จากฉบับอิสยาห์ 28:16
*10:13 จากฉบับโยเอล 2:32
*10:15 จากฉบับอิสยาห์ 52:7
*10:16 จากฉบับอิสยาห์ 53:1
*10:18 จากฉบับสดุดี 19:4
*10:19 จากฉบับเฉลยธรรมบัญญัติ 32:21
*10:20 จากฉบับอิสยาห์ 65:1
*10:21 จากฉบับอิสยาห์ 65:2
*11:3 จากฉบับ 1 พงศ์กษัตริย์ 19:10,14
*11:4 หัวหน้าของบรรดาเทพเจ้าของชาวคานาอัน ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้ที่สามารถปรับสภาพลมฟ้าอากาศ และให้ความอุดมสมบูรณ์แก่มนุษย์และสัตว์ 1 พงศ์กษัตริย์ 19:18
*11:8 จากฉบับเฉลยธรรมบัญญัติ 29:4, อิสยาห์ 29:10
*11:10 จากฉบับสดุดี 69:22,23
*11:16 ดูในฉบับกันดารวิถี 15:19,20
*11:27 จากฉบับอิสยาห์ 59:20,21, เยเรมีย์ 31:33,34
*11:34 จากฉบับอิสยาห์ 40:13
*11:35 จากฉบับโยบ 41:11
imgimg

หิวกระหายที่จะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น

  • ใคร่ครวญเกี่ยวกับการกระทำของพระเจ้าจากเรื่องนี้
  • การกระทำต่างๆของพระองค์แสดงให้เราเห็นถึงทางของพระเจ้าอย่างไร
  • ท่านเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับทางในพระเจ้าในเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าเคย โปรดอธิบาย ถ้าไม่ ท่านจะมีประสบการณ์กับเรื่องนี้ได้อย่างไร
  • ท่านสามารถจะทำอะไรเพื่อที่จะทำให้ท่านอยากรู้จักกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นและมีความสนิทสนมกับพระองค์ได้ในสัปดาห์นี้
พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับ 2016
สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012
โดย หน่วยงานพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่

© 2018 SourceView LLC.
11