เกี่ยวกับการเป็นขึ้นจากความตายและความเอื้ออารี

1 โครินธ์ 15:1-16:24

img

151บัดนี้ ข้าพเจ้าต้องการเตือนพี่น้องทั้งหลายถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ซึ่งท่านก็ได้รับและยืนหยัดอยู่ได้ 2หากว่าท่านยึดมั่นในสิ่งที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านก็จะมีชีวิตรอดพ้นเพราะข่าวประเสริฐนี้ มิฉะนั้นความเชื่อของท่านจะไร้ประโยชน์
3สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับนั้น ข้าพเจ้าได้มอบให้แก่ท่าน อันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือพระคริสต์ได้สิ้นชีวิตเพื่อบาปของเรา ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 4พระองค์ถูกฝัง ได้ฟื้นคืนชีวิตในวันที่สาม ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 5พระองค์ได้ปรากฏกายแก่เคฟาส และต่อจากนั้นก็ได้ปรากฏแก่อัครทูตทั้งสิบสอง 6หลังจากนั้นพระองค์ปรากฏแก่พี่น้องกว่า 500 คนในคราวเดียวกัน ซึ่งส่วนมากก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะมีบางคนที่ได้ล่วงลับไปแล้วก็ตาม 7จากนั้นพระองค์ก็ได้ปรากฏแก่ยากอบและอัครทูตทั้งหมด 8พระองค์ก็ยังปรากฏแก่ข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้ายด้วย ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนที่เกิดมาไม่ตรงตามกำหนดเวลา 9ข้าพเจ้าเป็นคนด้อยที่สุดในหมู่อัครทูต และไม่สมควรที่จะให้ผู้ใดเรียกข้าพเจ้าว่าอัครทูต เพราะข้าพเจ้าได้กดขี่ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า 10ข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นนี้ได้ ก็เพราะพระคุณของพระเจ้า และพระคุณนี้ก็มิได้ไร้ผล แต่ในทางตรงกันข้าม คือข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าทุกคนที่กล่าวมานี้ แม้จะไม่ใช่ด้วยตัวข้าพเจ้าเอง แต่ด้วยพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อข้าพเจ้า 11ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นข้าพเจ้าหรือเขาเหล่านั้น คือพวกเราประกาศกัน และพวกท่านก็ได้เชื่อแล้ว
12ในเมื่อเราประกาศว่าพระคริสต์ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว พวกท่านบางคนพูดได้อย่างไรว่า ไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย 13ถ้าไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว ดังนั้นแม้แต่พระคริสต์ก็ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิต 14และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิต การประกาศของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน 15ยิ่งกว่านั้นจะกลายเป็นว่า เราเป็นพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเรายืนยันเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระองค์ให้พระคริสต์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย แต่ถ้าคนตายไม่ได้ฟื้นคืนชีวิตจริงแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ให้พระคริสต์ฟื้นคืนชีวิต 16เพราะถ้าคนตายทั้งหลายไม่ได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว พระคริสต์ก็ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิตด้วย 17และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นคืนชีวิต ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาป 18พวกที่ล่วงลับไปขณะที่เชื่อในพระคริสต์ ก็พินาศไปเสียแล้วด้วย 19ถ้าเราหวังในพระคริสต์แค่ช่วงชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง
20แต่บัดนี้พระคริสต์ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย พระองค์เป็นผลแรก*ของบรรดาผู้ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว 21ในเมื่อความตายได้เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนเดียว การฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ก็เกิดขึ้นจากมนุษย์คนเดียวเช่นกัน 22มนุษย์ทุกคนตายเพราะความเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด ทุกคนจะได้รับชีวิตมาได้ ก็เพราะความเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น 23แต่จะเป็นไปตามลำดับโดยมีพระคริสต์เป็นผลแรก หลังจากนั้นก็คือบรรดาคนของพระคริสต์ เวลาที่พระองค์จะมาอีก 24แล้วก็ถึงวันสิ้นวาระ เมื่อพระองค์มอบอาณาจักรแด่พระเจ้าผู้เป็นพระบิดา หลังจากที่พระองค์ได้ทำลายพวกที่อยู่ในระดับปกครอง ผู้มีสิทธิอำนาจและอานุภาพทั้งหลาย 25เพราะว่าพระองค์ต้องครอง จนกระทั่งพระเจ้าปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้เท้าของพระองค์ 26ศัตรูท้ายสุดที่ต้องทำลายคือความตาย 27เพราะว่า “พระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าของพระองค์แล้ว”* แต่เมื่อพระองค์กล่าวว่า “ทุกสิ่งถูกปราบให้อยู่ภายใต้พระองค์” ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่า เป็นการยกเว้นพระเจ้าผู้ปราบทุกสิ่งให้อยู่ภายใต้พระคริสต์ 28เมื่อทุกสิ่งอยู่ภายใต้พระบุตรแล้ว พระบุตรก็จะอยู่ภายใต้พระเจ้าผู้ปราบทุกสิ่งให้อยู่ภายใต้พระองค์ เพื่อว่าพระเจ้าจะได้เป็นใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง
29ถ้าไม่มีการฟื้นคืนชีวิต แล้วบรรดาผู้ที่รับบัพติศมาเพื่อคนตาย*จะทำอย่างไร ถ้าคนตายไม่ฟื้นคืนชีวิตเลย ทำไมผู้คนจึงรับบัพติศมาเพื่อเขา 30และทำไมเราจึงเสี่ยงอันตรายตลอดเวลาเล่า 31พี่น้องทั้งหลาย เป็นความจริงที่ข้าพเจ้าเผชิญกับความตายทุกวัน จริงเท่าๆ กับความภูมิใจที่ข้าพเจ้ามีในท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา 32ถ้าข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัส เนื่องจากเหตุผลของมนุษย์เท่านั้น แล้วข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร หากว่าคนตายไม่ฟื้นคืนชีวิต “เรามาดื่มกินกันเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตายแล้ว”* 33อย่าหลงผิดเลย “การคบคนชั่วย่อมทำให้นิสัยเสียมากขึ้น” 34จงครองสติให้ดีเถิดและอย่าทำบาป เพราะว่ามีบางคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เพราะจะให้ท่านมีความละอายใจ
35แต่บางคนอาจจะถามว่า “คนตายฟื้นคืนชีวิตได้อย่างไร จะมีร่างกายเป็นอย่างไร” 36คนเขลาเอ๋ย สิ่งที่ท่านหว่านไป ถ้าจะมีชีวิตขึ้นมาได้ก็ต้องตายไปก่อน 37สิ่งที่ท่านหว่าน ท่านไม่ได้หว่านเป็นต้นพืช แต่หว่านเพียงเมล็ดเช่นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆ 38แต่พระเจ้ามอบต้นให้ตามที่พระองค์เห็นชอบ และแต่ละเมล็ดก็ได้ต้นตามชนิดของมัน 39ร่างกายไม่เหมือนกันหมด มนุษย์มีร่างกายอย่างหนึ่ง สัตว์ก็อย่างหนึ่ง นกก็อย่างหนึ่ง ปลาก็อีกอย่างหนึ่ง 40มีร่างกายสำหรับสวรรค์ และร่างกายสำหรับโลกด้วย แต่สง่าราศีของร่างฝ่ายสวรรค์เป็นอย่างหนึ่ง และสง่าราศีของร่างฝ่ายโลกก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง 41ดวงอาทิตย์มีสง่าราศีอย่างหนึ่ง ดวงจันทร์อย่างหนึ่ง ดวงดาวก็อีกอย่างหนึ่ง ดาวแต่ละดวงก็มีสง่าราศีต่างกันไปด้วย 42การฟื้นคืนชีวิตของคนตายก็เช่นกัน ร่างที่ถูกหว่านลงไปนั้นเน่าเปื่อยได้ ร่างที่ฟื้นคืนชีวิตไม่รู้จักเน่าเปื่อย 43ร่างที่ถูกหว่านนั้นไร้เกียรติ แต่ฟื้นคืนชีวิตด้วยสง่าราศี ร่างที่ถูกหว่านนั้นอ่อนแอ และฟื้นคืนชีวิตด้วยอานุภาพ 44ร่างที่ถูกหว่านด้วยกายแห่งความเป็นมนุษย์ และฟื้นคืนชีวิตด้วยกายฝ่ายวิญญาณ ถ้ามีกายแห่งความเป็นมนุษย์ ก็มีกายฝ่ายวิญญาณด้วย 45มีบันทึกไว้ว่า “อาดัมคนแรกได้มาเป็นบุคคลที่มีชีวิต”* อาดัมคนสุดท้ายเป็นพระวิญญาณที่ให้ชีวิต 46กายฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นก่อน แต่เป็นกายแห่งความเป็นมนุษย์ แล้วหลังจากนั้นจึงเป็นฝ่ายวิญญาณ 47มนุษย์คนแรกมาจากดินแห่งแผ่นดินโลก มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ 48มนุษย์ดินเป็นอย่างไร บรรดามนุษย์ที่มาจากดินก็เป็นอย่างนั้น และมนุษย์ที่มาจากสวรรค์เป็นอย่างไร บรรดามนุษย์ที่จะได้ไปสวรรค์ก็จะเป็นอย่างนั้น 49และเท่าที่เรามีคุณลักษณะเหมือนมนุษย์ที่มาจากดิน เราก็จะมีคุณลักษณะเหมือนมนุษย์ที่มาจากสวรรค์ด้วย
50ข้าพเจ้าขอกล่าวกับพี่น้องทั้งหลายว่า เลือดเนื้อจะเข้าไปอยู่รวมในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ สิ่งที่เน่าเปื่อยได้ไม่อาจปะปนอยู่กับสิ่งที่ไม่รู้จักเน่าเปื่อยได้เช่นกัน 51จงฟังเถิด ข้าพเจ้าจะบอกเรื่องอันลึกลับซ้บซ้อนให้ท่านรู้ว่า เราจะไม่ล่วงลับเสียทุกคน เพียงแต่เราทั้งหมดจะได้รับการเปลี่ยนแปลง 52ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อแตรเป่าครั้งสุดท้าย เมื่อใดที่แตรจะเปล่งเสียง และคนตายจะฟื้นคืนชีวิตโดยปราศจากการเน่าเปื่อย และเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ 53เพราะสิ่งที่เน่าเปื่อยต้องสวมด้วยความไม่เน่าเปื่อย และสิ่งที่ตายสวมด้วยสิ่งที่เป็นอมตะ 54เมื่อสิ่งที่เน่าเปื่อยสวมด้วยสิ่งที่ไม่เน่าเปื่อย และสิ่งที่ตายสวมด้วยสิ่งที่เป็นอมตะ แล้วสิ่งที่บันทึกไว้ก็จะเป็นจริง
“ความตายถูกกลืนด้วยความมีชัย”*
55“ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน
ความตายเอ๋ย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน”*
56เหล็กไนของความตายคือบาป และอานุภาพของบาปคือกฎบัญญัติ 57แต่ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ให้เรามีชัยชนะโดยทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
58ฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าจงยืนหยัดไว้เถิด อย่ายอมให้สิ่งใดทำให้ท่านสั่นคลอนได้ จงปฏิบัติงานของพระผู้เป็นเจ้าให้เต็มที่อยู่เสมอ เพราะท่านทราบว่าน้ำพักน้ำแรงของท่านในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ไร้ประโยชน์
161ส่วนเรื่องการเก็บเรี่ยไรเพื่อบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น จงกระทำตามที่ข้าพเจ้าได้บอกแก่คริสตจักรที่แคว้นกาลาเทียเถิด 2ทุกวันแรกของแต่ละสัปดาห์ ทุกท่านควรแบ่งเงินเก็บไว้จำนวนหนึ่งตามแต่รายได้ที่มี จะได้ไม่ต้องเก็บเรี่ยไรเมื่อข้าพเจ้ามา 3และเวลาที่ข้าพเจ้ามาถึง ข้าพเจ้าจะให้บรรดาผู้ที่ท่านเห็นชอบ นำจดหมายและเงินที่ท่านกรุณาเรี่ยไรได้ไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 4และถ้าสมควรที่ข้าพเจ้าจะไปด้วยแล้ว เขาเหล่านั้นก็จะไปพร้อมกับข้าพเจ้า
5หลังจากข้าพเจ้าผ่านทางแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ข้าพเจ้าจะมาหาท่านเพราะตั้งใจจะผ่านไปทางมาซิโดเนีย 6ข้าพเจ้าคงจะพักอยู่กับท่าน และอาจจะอยู่จนตลอดช่วงฤดูหนาวด้วย เพื่อให้ท่านช่วยจัดการส่งข้าพเจ้าเดินทางต่อไปอีก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม 7ข้าพเจ้ายังไม่อยากมาหาท่านเพียงเพราะเป็นระยะทางผ่านเท่านั้น ข้าพเจ้าหวังว่าจะพักอยู่กับท่านสักช่วงระยะหนึ่ง ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอนุญาต 8แต่ข้าพเจ้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนกระทั่งเทศกาลเพ็นเทคศเต 9เพราะมีโอกาสที่เปิดกว้างไว้ให้ข้าพเจ้าเพื่องานรับใช้ที่จะบังเกิดผล แม้จะมีคนจำนวนมากที่ขัดขวางข้าพเจ้าอยู่ก็ตาม
10ถ้าทิโมธีมาหาท่าน ก็ช่วยแสดงความยินดีต้อนรับเขาในหมู่ท่าน เพราะว่าเขาปฏิบัติงานของพระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับข้าพเจ้า 11ฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดดูถูกเขา แต่จงจัดการส่งเขาเดินทางไปอย่างสันติสุข เขาจะได้กลับมาหาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังคอยเขากับพวกพี่น้องอยู่
12ส่วนเรื่องอปอลโลซึ่งเป็นพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้เขาไปหาท่านพร้อมกับพวกพี่น้องอื่นๆ เขาไม่ประสงค์ที่จะไปเวลานี้ แต่เขาจะไปเมื่อมีโอกาส
13ท่านจงระวังให้ดี ขอให้ยืนหยัดอยู่ในความเชื่อ จงกล้าหาญและเข้มแข็ง 14ทุกสิ่งที่ท่านกระทำจงกระทำด้วยความรัก
15พี่น้องทั้งหลาย ท่านทราบว่าในแคว้นอาคายา ครอบครัวของสเทฟานัสเป็นกลุ่มแรกที่เชื่อพระเจ้า และพวกเขาได้อุทิศตนเพื่อรับใช้งานให้กับผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 16ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านยอมเชื่อฟังคนเช่นนั้น และทุกคนที่ช่วยในการงานด้วย 17ข้าพเจ้ายินดีเมื่อสเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาถึง เพราะเขาเหล่านั้นได้ทดแทนตัวท่านที่ไม่ได้มา 18เขาทำให้วิญญาณของข้าพเจ้าและของท่านรู้สึกชุ่มชื่น ฉะนั้นท่านควรยกย่องคนเช่นนั้น
19บรรดาคริสตจักรในแคว้นเอเชียส่งความคิดถึงมายังท่าน อาควิลลากับปริสคาและคริสตจักรที่ประชุมร่วมกันที่บ้านของเขาทั้งสอง ส่งความคิดถึงมายังท่านด้วยใจจริงในพระผู้เป็นเจ้า 20พี่น้องทุกคนที่นี่ส่งความคิดถึงมายังท่าน จงทักทายกันด้วยการจูบแก้มอันบริสุทธิ์*
21ข้าพเจ้าเปาโลเขียนส่งความคิดถึงนี้มาด้วยลายมือของข้าพเจ้าเอง 22หากว่าผู้ใดไม่มีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง ขอเชิญพระผู้เป็นเจ้าของเรากลับมาเถิด 23ขอพระคุณของพระเยซูเจ้าจงอยู่กับท่านทั้งหลายด้วย 24ความรักของข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์ อาเมน

*15:20 ผลแรก ชาวฮีบรูถวายผลจากการเก็บเกี่ยวของการกสิกรรมส่วนแรกแด่พระเจ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า การเก็บเกี่ยวทั้งหมดเป็นของพระเจ้า
*15:27 จากฉบับสดุดี 8:6
*15:29 เป็นที่ปรากฏในคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ว่า มีบางคนที่คิดว่าการรับบัพติศมาแทนญาติหรือเพื่อนที่ตายแล้วซึ่งยังไม่เคยรับบัพติศมา จะช่วยให้ผู้ตายมีความรอดพ้นได้
*15:32 จากฉบับอิสยาห์ 22:13
*15:45 จากฉบับปฐมกาล 2:7
*15:54 จากฉบับอิสยาห์ 25:8
*15:55 จากฉบับโฮเชยา 13:14
*16:20 จูบแก้มเป็นธรรมเนียมการทักทายซึ่งเปรียบเทียบได้กับการไหว้ของคนไทย
imgimg

เปิดพระคำพระเจ้า

  • สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับท่านในเรื่องนี้คืออะไร
  • ท่านได้เรียนรู้ความจริงอะไรเกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้า
  • ท่านได้เรียนรู้ความจริงอะไรเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งชายและหญิง
  • ท่านจะนำคำสอนในเรื่องนี้มาเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างไร
พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับ 2016
สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012
โดย หน่วยงานพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่

© 2018 SourceView LLC.
11