ผู้ทำพันธกิจโดยพระคุณ

2 โครินธ์ 4:1-7:16

img

41ฉะนั้น เรารับใช้งานนี้ได้โดยความเมตตาของพระเจ้า พวกเราไม่ท้อถอย 2เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งอันน่าอับอายและเร้นลับ เราไม่หลอกลวงคนหรือพลิกแพลงคำกล่าวของพระเจ้า แต่เราประกาศความจริงอย่างเปิดเผย เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักด้วยมโนธรรมของเขาว่า เราเป็นอย่างไรในสายตาของพระเจ้า 3ถึงแม้ว่าข่าวประเสริฐของเราถูกปิดบังไว้ แต่ก็ถูกปิดบังไว้เฉพาะคนที่กำลังพินาศเท่านั้น 4ในกรณีของคนพวกนี้ เจ้าแห่งยุคนี้*พรางความคิดของเขา จึงทำให้ไม่เห็นความสว่างจากข่าวประเสริฐแห่งพระสง่าราศีของพระคริสต์ ผู้มีคุณลักษณะเหมือนพระเจ้าทุกประการ 5เราไม่ประกาศเรื่องตัวเราเอง แต่เป็นเรื่องของพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า และตัวเราเองเป็นผู้รับใช้ของท่านเพื่อพระเยซู 6เพราะพระเจ้าผู้กล่าวไว้ว่า “ให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด”* ก็คือองค์ที่ได้ส่องเข้าไปในจิตใจของเรา เพื่อให้เราทราบถึงพระสง่าราศีของพระเจ้า ที่เปล่งจากใบหน้าของพระคริสต์
7แต่เรามีสมบัติอันมีค่านี้อยู่ในหม้อดิน เพื่อจะได้แสดงให้เห็นว่าอานุภาพอันใหญ่ยิ่งนั้นมาจากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเราเอง 8เราทนทุกข์ทรมานทุกทางแต่ก็ไม่พ่ายแพ้ แม้จะงุนงงแต่ก็ไม่สิ้นหวัง 9ถูกกดขี่ข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำให้ล้มลงแต่ก็ไม่ถูกทำลาย 10เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในตัวเราเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในตัวเราด้วย 11ขณะที่เราดำเนินชีวิต เราเสี่ยงกับความตายเพื่อพระเยซูอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในร่างกายของเราที่ตายได้ 12ดังนั้นความตายบังเกิดผลในตัวเรา แต่ชีวิตบังเกิดผลในตัวท่านทั้งหลาย
13เพราะเรามีวิญญาณแห่งความเชื่อเดียวกัน ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงประกาศ”* เราก็เชื่อด้วย ดังนั้นเราจึงประกาศด้วย 14เราทราบว่า พระองค์ผู้ให้พระเยซูฟื้นคืนชีวิตจะให้เราฟื้นคืนชีวิตกับพระเยซูด้วย และนำเราไปเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมกับพวกท่าน 15สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อว่าขณะที่พระคุณได้แผ่ขยายไปยังคนมากยิ่งขึ้นนั้น ก็จะทำให้มีคนขอบคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้นเพื่อพระบารมีของพระเจ้า
16ฉะนั้น เราไม่ท้อถอย แม้ว่าส่วนกายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่ส่วนลึกในใจของเรากำลังถูกเสริมสร้างใหม่ทุกวัน 17เพราะความลำบากเล็กน้อยเพียงชั่วขณะหนึ่งนี้ จะเป็นการเตรียมเราไปถึงบารมีอันเป็นนิรันดร์ซึ่งไม่มีอะไรมาเทียบเทียมได้ 18ดังนั้นเราจึงไม่จับตาอยู่ที่ของที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่จับตาดูสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นนิรันดร์
51เพราะเราทราบว่า หากกระโจมซึ่งเป็นร่างดินของเราถูกทำลายไป เราก็จะได้ที่อาศัยจากพระเจ้าซึ่งเป็นร่างอันเป็นนิรันดร์ในสวรรค์ ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ 2เพราะว่าในร่างดินนี้ เรายังครวญคร่ำปรารถนาสวมร่างแห่งสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง 3เพื่อว่าเมื่อสวมใส่แล้วจะได้ไม่มีผู้ใดพบว่าเราเปลือยกาย 4ขณะที่เรายังอยู่ในกระโจมนี้ เราคร่ำครวญเป็นทุกข์ ไม่ใช่เพราะเราต้องการเปลือยกาย แต่ต้องการสวมร่างอันเป็นนิรันดร์ เพื่อว่าชีวิตจะมีชัยชนะเหนือความตาย 5พระเจ้าเป็นผู้เตรียมเราเพื่อการนี้ พระองค์ได้ให้พระวิญญาณแก่เราเป็นการประกันไว้
6ฉะนั้น เราจึงรู้สึกมั่นใจเสมอ และทราบไว้ด้วยว่าตราบที่เราอาศัยในร่างดินนี้ เราอยู่ห่างจากพระผู้เป็นเจ้า 7เพราะเราทั้งหลายดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ มิใช่ว่าต้องเห็นด้วยตา 8พวกเรามั่นใจและคิดว่า อยากจะอยู่ห่างจากร่างดินเพื่อไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้ามากกว่า 9ฉะนั้นเราจะอยู่ที่นี่ในชีวิตนี้หรือไม่ก็ตาม เราก็ตั้งเป้าหมายเพื่อทำตนให้เป็นที่พอใจของพระองค์ 10เพราะเราทุกคนจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ เพื่อว่าทุกคนจะได้รับตอบแทนตามความประพฤติของเขาขณะที่อยู่ในร่างกาย ไม่ว่าดีหรือชั่ว
11ฉะนั้น ในเมื่อเราทราบว่าการเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าหมายถึงอะไร เราจึงพยายามชักชวนคนให้เชื่อ เราเป็นอย่างไรก็เป็นที่ปรากฏชัดแก่พระเจ้า และข้าพเจ้าหวังว่าพวกเราเป็นที่ปรากฏชัดในมโนธรรมของท่านด้วย 12มิใช่ว่าเราจะโอ้อวดตัวเองกับท่านอีก แต่ให้ท่านมีโอกาสได้มีความภูมิใจในตัวเรา เพื่อท่านจะได้สามารถตอบบรรดาผู้ที่โอ้อวดถึงสิ่งที่เห็นเพียงภายนอก แต่ไม่โอ้อวดสิ่งที่อยู่ในจิตใจ 13ถ้าเราเสียสติ ก็จะเป็นไปเพื่อพระเจ้า แต่ความจริงเรามีสติดี เพื่อผลประโยชน์ของท่าน 14ด้วยว่าความรักของพระคริสต์ครอบครองเรา เพราะเราสรุปความว่าผู้หนึ่งได้สิ้นชีวิตเพื่อทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงสิ้นชีวิต 15พระองค์สิ้นชีวิตเพื่อทุกคน ฉะนั้นพวกเขาที่มีชีวิตอยู่ จึงไม่ควรอยู่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์ผู้สิ้นชีวิตและได้ฟื้นคืนชีวิตเพื่อพวกเขา
16ฉะนั้น จากนี้ไปเราจะไม่มีความเห็นเรื่องผู้ใดตามวิสัยโลก แม้ว่าเราเคยมีความเห็นเรื่องพระคริสต์ตามวิสัยโลก แต่บัดนี้เราไม่มีความเห็นเรื่องพระองค์แบบนั้นอีกแล้ว 17ฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนใหม่ สภาพเก่าล่วงไป มีสภาพใหม่เข้ามาแทน 18สิ่งเหล่านี้มาจากพระเจ้า พระองค์ให้เราคืนดีกับพระองค์ได้โดยทางพระคริสต์ และโปรดให้เราได้มีงานรับใช้เพื่อนำคนทั้งหลายมาคืนดีกับพระองค์ด้วย 19คือพระเจ้าให้โลกคืนดีกับพระองค์โดยทางพระคริสต์ พระองค์ไม่ถือโทษในการผิดบาปของมนุษย์ และได้มอบคำกล่าวเรื่องการคืนดีกับพระองค์ไว้กับเรา 20ฉะนั้น พวกเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ เหมือนกับว่าพระเจ้าขอร้องผ่านพวกเรา เราจึงอ้อนวอนพวกท่านในนามของพระคริสต์ว่า จงคืนดีกับพระเจ้าเถิด 21พระเจ้าได้ให้พระองค์ผู้ไม่เคยกระทำบาปมาเป็นเครื่องสักการะ เพื่อลบล้างบาปของเรา เพื่อเราจะได้เป็นผู้มีความชอบธรรมของพระเจ้าในพระคริสต์
61ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านด้วยว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไร้ประโยชน์ 2เพราะพระองค์กล่าวว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน เราก็ฟังเสียงของเจ้า
และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น เราก็ช่วยเจ้า”*
เราขอบอกท่านว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะโปรดปราน ดูเถิด ขณะนี้เป็นวันช่วยให้รอดพ้น 3เราไม่วางเครื่องกีดขวางเพื่อขวางทางของผู้ใด เพื่อว่างานรับใช้ของเราจะได้ไม่ถูกตำหนิ 4ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เราชี้ให้เห็นว่าเราเป็นอย่างไรในทุกๆ ด้าน ด้วยความเพียรอดทนอย่างยิ่ง ในการทนทุกข์ทรมาน ในความยากลำบาก และความเจ็บปวดรวดร้าว 5ในการถูกโบย ในการถูกจำจอง ท่ามกลางการจลาจล ในการทำงานหนัก อดหลับอดนอน ในความหิวโหย 6ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความรู้ ความอดทน ความกรุณา ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยความรักจริงใจ 7ด้วยการประกาศความจริง ด้วยอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้อาวุธแห่งความชอบธรรมทั้งมือขวาและมือซ้าย 8ทั้งเวลาที่มีเกียรติและไร้เกียรติ ทั้งเวลาที่ชื่อเสียงดีและเสื่อมเสีย แม้จะจริงใจแต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หลอกลวง 9ทั้งในยามที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักดี เป็นเหมือนคนที่สิ้นใจไปแล้ว แต่ดูเถอะเรายังมีชีวิตอยู่ ทั้งถูกลงโทษ แต่ก็ยังไม่ตาย 10ทั้งโศกเศร้าแต่ยังชื่นชมยินดีเสมอ ทั้งยากไร้แต่ก็ทำให้หลายคนได้มั่งคั่ง ทั้งที่ตัวเปล่าแต่ก็ยังเป็นเจ้าของสารพัดสิ่ง
11เราได้เปิดใจพูดกับท่าน โอ ชาวโครินธ์เอ๋ย ใจเราเปิดกว้างรับท่าน 12เราไม่ได้ปิดใจต่อท่าน แต่ท่านต่างหากที่ปิดใจต่อเรา 13ข้าพเจ้าจึงพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกของข้าพเจ้าว่า จงเปิดใจให้กว้างเถิด
14อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ความชอบธรรมจะร่วมกับความชั่วร้ายได้อย่างไร หรือความสว่างกับความมืดจะมีสามัคคีธรรมต่อกันได้อย่างไร 15พระคริสต์กับเบลีอัล*จะสอดคล้องกันได้อย่างไร หรือผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะมีส่วนร่วมกับผู้ที่ไม่เชื่อได้อย่างไร 16หรือวิหารของพระเจ้ากับรูปเคารพจะลงรอยกันได้อย่างไร เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ ตามที่พระเจ้ากล่าวว่า
“เราจะอยู่กับเขา
และเดินเคียงข้างไปกับพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของเขา
และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา”*
17“พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
ฉะนั้น จงออกมาจากพวกเขา
และจงแยกตัวออกจากเขา
อย่าจับต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
แล้วเราจะรับเจ้าไว้”*
18“เราจะเป็นบิดาของเจ้า
และเจ้าจะเป็นบุตรและธิดาของเรา
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวไว้ดังนั้น”*
71ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเราได้รับพระสัญญาเช่นนี้แล้ว เรามาชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่เป็นมลทินทั้งฝ่ายกายและวิญญาณเถิด และทำตนให้บริสุทธิ์เพียบพร้อมด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า
2จงเปิดใจรับเราเถิด เราไม่ได้กระทำผิดต่อผู้ใด หรือทำให้ใครเสียคนไป หรือเอาเปรียบผู้ใดเลย 3ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้เพื่อกล่าวโทษพวกท่าน เพราะตามที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้แล้วว่า เรารักท่านมาก แม้จะเป็นหรือตายด้วยกันกับท่านก็ตาม 4ข้าพเจ้ามั่นใจและภูมิใจในตัวท่านมาก ข้าพเจ้ามีกำลังใจ แม้ว่าเราเผชิญความลำบากทุกอย่าง ข้าพเจ้าก็มีความยินดีเป็นล้นพ้น
5เมื่อเรามายังแคว้นมาซิโดเนีย ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อน เราประสบความลำบากตลอดเวลา มีการวิวาทรอบข้างเรา และมีความกลัวอยู่ในใจ 6แต่พระเจ้าผู้ปลอบโยนพวกที่ท้อถอยได้ปลอบโยนพวกเราโดยให้ทิตัสมาหาเรา 7ไม่เพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่การปลอบโยนที่พวกท่านได้ให้แก่เขา ทิตัสบอกพวกเราว่าท่านคิดถึงข้าพเจ้า ท่านเศร้าโศก และห่วงใยข้าพเจ้าซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายินดีมากยิ่งขึ้น 8ถ้าแม้ว่าจดหมายฉบับก่อนของข้าพเจ้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ แม้จะเสียใจบ้างก่อนหน้านี้ก็ตาม เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าจดหมายนั้นทำให้ท่านเศร้าใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น 9มิใช่ว่าท่านเศร้าใจจึงทำให้ข้าพเจ้ายินดีในเวลานี้ แต่เป็นเพราะท่านเศร้าใจจนถึงกับกลับใจ ท่านเศร้าใจตามความประสงค์ของพระเจ้า ฉะนั้นท่านไม่ได้เสียหายเพราะเราแต่อย่างใด
10ด้วยเหตุว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้านั้น ทำให้เกิดการกลับใจซึ่งนำไปสู่ความรอดพ้น ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครเสียใจในเรื่องนี้ แต่ความเศร้าใจอันเนื่องมาจากวิสัยโลกนำไปสู่ความตาย 11ดูเถิดว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้าทำให้เกิดอะไรในตัวท่าน ทั้งความเอาจริงเอาจัง ความกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทั้งความโกรธ ความกลัว ความคิดถึง ความห่วงใย ความพร้อมที่จะเห็นการตัดสินอย่างยุติธรรม ในทุกจุดท่านเองได้พิสูจน์ว่า ท่านไม่มีความผิดในเรื่องเหล่านี้ 12แม้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนั้นถึงท่าน ก็มิใช่เพื่อคนที่กระทำผิด หรือเพื่อคนที่ได้รับทุกข์จากการกระทำนั้น แต่เพื่อท่านจะได้เห็นเองว่าท่านจงรักภักดีกับเราเพียงไรในสายตาของพระเจ้า 13ฉะนั้น เราจึงมีกำลังใจนอกจากเราจะมีกำลังใจแล้ว เรายังยินดีมากที่เห็นว่าทิตัสมีความสุขเพียงไร เพราะท่านทั้งหลายทำให้จิตวิญญาณของเขาชุ่มชื่น 14ข้าพเจ้าได้โอ้อวดท่านกับทิตัสแล้ว และท่านก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า แต่ทุกสิ่งที่เราบอกท่านแล้วนั้นเป็นความจริง สิ่งที่เราอวดไว้กับทิตัสก็เป็นจริงเช่นกัน 15ทิตัสจำได้ว่าพวกท่านมีความเกรงกลัวและหวาดหวั่นในการต้อนรับเขา และพวกท่านทุกคนพร้อมที่จะเชื่อฟังเป็นอย่างดี ดังนั้นความรักของทิตัสที่มีต่อท่านก็เพิ่มพูนยิ่งขึ้น 16ข้าพเจ้ายินดีเพราะมีความมั่นใจในตัวท่านอย่างบริบูรณ์

*4:4 เจ้าแห่งยุคนี้ อ้างอิงถึงซาตาน
*4:6 จากฉบับปฐมกาล 1:3, อิสยาห์ 9:2
*4:13 จากฉบับสดุดี 116:10
*6:2 จากฉบับอิสยาห์ 49:8
*6:15 เบลีอัล เป็นภาษาฮีบรูหมายความว่า “ไม่มีคุณค่า” คำนี้ใช้เรียกพญามาร
*6:16 จากฉบับเลวีนิติ 26:12, เยเรมีย์ 32:38, เอเสเคียล 37:27
*6:17 จากฉบับอิสยาห์ 52:11, เอเสเคียล 20:34,41
*6:18 จากฉบับ 2 ซามูเอล 7:14
imgimg

หิวกระหายที่จะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น

  • สังเกตุสิ่งที่พระเจ้าทำในเรื่องนี้
  • สิ่งทีพระเจ้าทำสำแดงให้เราเห็นถึงพระลักษณะด้านใดของพระองค์
  • ท่านเคยมีประสบการณ์ถึงพระลักษณะด้านนี้ของพระเจ้าหรือไม่ ถ้าเคย โปรดอธิบายเกี่ยวกับประสบการณ์นั้น ถ้าไม่เคย ท่านจะสามารถมีประสบการณ์ถึงสิ่งนี้ได้อย่างไร
  • ท่านสามารถจะทำอะไรเพื่อที่จะทำให้ท่านอยากรู้จักกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นและมีความสนิทสนมกับพระองค์ได้ในวันนี้
พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับ 2016
สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012
โดย หน่วยงานพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่

© 2018 SourceView LLC.
11