พันธสัญญาที่ดีกว่า พระสัญญา และการเสียสละ

ฮีบรู 8:1-10:18

img

81บัดนี้ ประเด็นสำคัญของสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วก็คือ พวกเรามีหัวหน้ามหาปุโรหิตเช่นนี้ นั่งอยู่ทางเบื้องขวาของบัลลังก์แห่งองค์ผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ 2และปฏิบัติงานในสถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า คือในกระโจมที่แท้จริง ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สถาปนาขึ้น ไม่ใช่มนุษย์ 3หัวหน้ามหาปุโรหิตทุกท่านได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา เพื่อถวายทั้งของบรรณาการและเครื่องสักการะ ดังนั้นหัวหน้ามหาปุโรหิตผู้นี้จำเป็นต้องมีสิ่งหนึ่งถวายด้วยเช่นกัน 4ถ้าพระองค์อยู่ในโลก ก็จะไม่เป็นปุโรหิต เพราะมีมนุษย์ทั้งหลายซึ่งทำหน้าที่ถวายของบรรณาการ ตามข้อบังคับของกฎบัญญัติอยู่แล้ว 5เขาเหล่านั้นรับใช้ ณ สถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทำขึ้นตามแบบและเงาของสิ่งที่มีอยู่ในสวรรค์ เช่นเดียวกับที่โมเสสได้รับการเตือนจากพระเจ้า เวลาที่ท่านกำลังจะสร้างกระโจมว่า “จงแน่ใจว่า เจ้าต้องทำทุกสิ่งตามแบบที่แสดงให้เห็นบนภูเขา”* 6แต่บัดนี้พระเยซูได้รับงานอันสำคัญยิ่งกว่างานของปุโรหิตอื่นๆ คือพันธสัญญาที่พระองค์เป็นคนกลาง ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่ดีกว่า เพราะมีรากฐานจากพระสัญญาทั้งหลายซึ่งดีกว่า 7ถ้าพันธสัญญาแรกไม่มีข้อบกพร่องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีพันธสัญญาอื่นอีก
8แต่พระเจ้าเห็นว่ามนุษย์เหล่านั้นมีความผิด จึงกล่าวว่า
“พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
ที่เราจะทำพันธสัญญาใหม่กับพงศ์พันธุ์ของอิสราเอล
และกับพงศ์พันธ์ุของยูดาห์
9เป็นพันธสัญญาที่จะไม่เหมือนกับ
ที่ได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา
คือตอนที่เรานำพวกเขาเหมือนกับตอนที่จูงมือออกจากประเทศอียิปต์
เพราะพวกเขาไม่ภักดีต่อพันธสัญญาของเรา
และเราหันหลังให้พวกเขา
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้เช่นนี้
10นี่คือพันธสัญญา
ที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์ของอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ต่อจากนี้ไป
เราจะทำให้พวกเขาระลึกถึงกฎบัญญัติของเรา
และเราจะจารึกไว้ในใจของเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของเขา
และเขาจะเป็นชนชาติของเรา
11ไม่มีใครในพวกเขาที่จะต้องสอนเพื่อนร่วมชาติ
หรือในพวกพี่น้องทุกคนของตนว่า
‘จงรู้จักพระผู้เป็นเจ้า’
เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา
ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด
12เพราะเราจะยกโทษความชั่วร้ายของเขา
และจะไม่จดจำบาปของเขาไว้อีกต่อไป”*
13เมื่อพระเจ้ากล่าวว่า “พันธสัญญาใหม่” พระองค์ได้ทำให้พันธสัญญาแรกล้าสมัย และอะไรที่ล้าสมัยและล่วงพ้นกาลเวลาก็จะหายสาบสูญไป
91แม้พันธสัญญาแรกก็ยังมีกฎเกณฑ์ในการนมัสการ และมีสถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งมนุษย์ทำขึ้นมา 2เพราะว่ามีกระโจมเตรียมไว้ที่ห้องด้านนอก ซึ่งมีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังอันบริสุทธิ์ ห้องนี้เรียกว่าวิสุทธิสถาน 3และด้านหลังม่านชั้นที่ 2 มีห้องซึ่งเรียกว่า อภิสุทธิสถาน 4ซึ่งมีแท่นบูชาทำด้วยทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบพันธสัญญาที่หุ้มด้วยทองคำทุกด้าน หีบนี้มีโถทองคำซึ่งบรรจุมานา มีไม้เท้าของอาโรนที่ผลิดอกตูม และมีศิลา 2 แผ่นซึ่งมีพันธสัญญาจารึกไว้ 5เหนือหีบใบนี้มีรูปปั้นเครูบ*ซึ่งแสดงพระสง่าราศีของพระเจ้า และกางปีกปกฝาหีบแห่งการชดใช้บาป แต่ในเวลานี้เราจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดไม่ได้
6เมื่อจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว บรรดาปุโรหิตก็เข้าไปในกระโจมด้านนอกเป็นประจำเพื่อนมัสการตามหน้าที่ 7มีแต่หัวหน้ามหาปุโรหิตเท่านั้นที่เข้าไปในห้องด้านในได้เพียงปีละครั้ง และจะต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตนเอง และเพื่อบาปทั้งหลายของมนุษย์ที่ทำไปโดยไม่เจตนา 8พระวิญญาณบริสุทธิ์แสดงให้เห็นจากการปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ว่า ทางเข้าไปสู่อภิสุทธิสถานยังไม่เปิด ตราบเท่าที่กระโจมด้านนอกยังตั้งอยู่ 9นี่คือภาพที่แสดงให้เห็นถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ของบรรณาการและเครื่องสักการะทั้งหลายที่ถวาย ไม่สามารถทำให้มโนธรรมของผู้นมัสการสะอาดได้ 10ในเมื่อเป็นเพียงเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม และพิธีชำระล้างด้วยวิธีต่างๆ กัน อันเป็นกฎเกณฑ์สำหรับร่างกาย ซึ่งใช้ได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่
11เมื่อพระคริสต์มาในฐานะหัวหน้ามหาปุโรหิตของสิ่งประเสริฐต่างๆ ที่เราได้รับแล้ว พระองค์ก็ได้เข้าสู่กระโจมที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์กว่า ซึ่งไม่ได้ทำขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ได้เป็นส่วนของโลกที่ถูกสร้างขึ้น 12พระองค์ไม่ได้เข้าไปด้วยเลือดแพะ และเลือดลูกโค แต่พระองค์เข้าไปในอภิสุทธิสถานด้วยโลหิตของพระองค์เอง เพียงครั้งเดียวเป็นพอ เราจึงได้มาซึ่งการไถ่อันเป็นนิรันดร์ 13ถ้าเลือดแพะ และโคตัวผู้ และเถ้าจากลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนที่มีมลทิน เพื่อชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ภายนอกได้ 14ดังนั้นโลหิตของพระคริสต์จะชำระล้างมโนธรรมของเราจากการกระทำอันไร้ประโยชน์ เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ดำรงอยู่ได้มากกว่าเพียงไร ด้วยเหตุว่า พระองค์ได้ถวายตนเองเป็นเครื่องสักการะที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้า โดยผ่านพระวิญญาณอันเป็นนิรันดร์
15และด้วยเหตุนี้ พระคริสต์จึงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เพื่อว่าบรรดาผู้ที่พระเจ้าเรียก จะได้รับมรดกอันเป็นนิรันดร์ซึ่งเป็นพระสัญญา เพราะพระองค์ได้สิ้นชีวิต เพื่อเป็นค่าไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระจากบาปทั้งปวงที่เกิดขึ้น ขณะที่อยู่ใต้บังคับของพันธสัญญาแรก 16ในกรณีที่เกี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำหนังสือนั้นตายแล้ว 17เพราะหนังสือพินัยกรรมจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคนนั้นตายแล้ว และยังใช้ไม่ได้หากว่าคนที่ทำหนังสือยังมีชีวิตอยู่ 18เหตุฉะนั้นแม้พันธสัญญาแรกจะใช้ได้ ก็ต่อเมื่อมีการใช้เลือด 19เมื่อโมเสสได้ประกาศพระบัญญัติทุกข้อแก่คนทั้งปวงตามกฎบัญญัติแล้ว ท่านใช้ขนสัตว์สีแดงสดกับไม้หุสบ จุ่มเลือดลูกโคกับเลือดแพะ ผสมน้ำ ประพรมหนังสือม้วนและคนทั้งปวง 20ท่านกล่าวว่า “นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเจ้าได้สั่งให้พวกท่านรักษาไว้”* 21ในวิธีเดียวกันท่านก็ได้ประพรมกระโจมและทุกสิ่งที่ใช้ในพิธีด้วยเลือด 22ตามกฎบัญญัติแล้ว เกือบทุกสิ่งได้รับการชำระด้วยเลือด และถ้าปราศจากการหลั่งเลือดแล้วก็จะไม่มีการให้อภัยโทษ
23ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องให้สิ่งที่ทำขึ้นตามแบบอย่างสวรรค์ ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้ แต่สิ่งซึ่งเป็นอย่างสวรรค์เองต้องมีเครื่องสักการะที่ดีกว่านี้ 24ด้วยว่าพระคริสต์ไม่ได้เข้าสู่สถานที่บริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นแบบของจริงด้วยมือมนุษย์ แต่ได้เข้าสู่สวรรค์อันแท้จริง และบัดนี้พระองค์ปรากฏต่อหน้าพระเจ้าเพื่อพวกเรา 25พระองค์ไม่ได้เข้าสู่สวรรค์เพื่อถวายตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ตามแบบของหัวหน้ามหาปุโรหิตที่เข้าไปในอภิสุทธิสถานทุกปี พร้อมกับเอาเลือดที่ไม่ใช่ของตนเองไป 26มิฉะนั้น พระองค์จะต้องทนทุกข์บ่อยครั้งนับตั้งแต่การสร้างโลกแล้ว แต่บัดนี้พระองค์ได้ปรากฏเพียงครั้งเดียวเป็นพอในปลายยุค เพื่อกำจัดบาป โดยสละชีวิตของพระองค์เองเป็นเครื่องสักการะ 27มนุษย์ทุกคนถูกกำหนดให้ตายครั้งเดียว และจากนั้นก็มีการพิพากษาฉันใด 28พระคริสต์ก็เป็นเครื่องลบล้างบาปครั้งเดียว เพื่อกำจัดบาปทั้งปวงของมนุษย์จำนวนมากฉันนั้น พระองค์จะปรากฏเป็นครั้งที่สองมิใช่เพื่อรับบาปไป แต่เพื่อนำความรอดพ้นมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์อยู่ด้วยใจจดจ่อ
101กฎบัญญัติเป็นเพียงแค่เงาของบรรดาสิ่งประเสริฐที่จะมาในภายหลัง คือมิใช่ตัวจริง ด้วยเหตุนี้ กฎบัญญัติจึงไม่สามารถทำให้ผู้ที่เข้านมัสการอย่างใกล้ชิด เพียบพร้อมทุกประการได้ด้วยการถวายเครื่องสักการะที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่หยุดหย่อนทุกปี 2เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้แล้ว เขาน่าจะหยุดถวายเครื่องสักการะมิใช่หรือ หากผู้ถวายได้รับการชำระครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกว่าตนมีบาปอีกต่อไป 3แต่การถวายเครื่องสักการะก็เพื่อเตือนให้ระลึกถึงบาปทุกปี 4เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เลือดโคตัวผู้กับแพะจะลบล้างบาปได้
5ฉะนั้น เมื่อพระคริสต์เข้ามาในโลกพระองค์กล่าวว่า
“พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย
แต่พระองค์เตรียมร่างกายให้แก่ข้าพเจ้า
6พระองค์ไม่ยินดีกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
และเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
7แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า
‘ดูเถิด ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าได้มาเพื่อกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
ตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน’”*
8หลังจากที่กล่าวว่า “พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย สัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป พระองค์ไม่ยินดีกับสิ่งเหล่านี้ด้วย” (แม้ว่ากฎบัญญัติสั่งให้ทำตาม) 9แล้วพระองค์ก็กล่าวอีกว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าได้มาเพื่อกระทำตามความประสงค์ของพระองค์” พระองค์ล้มล้างระบบเดิมเพื่อสร้างระบบใหม่ 10ด้วยความประสงค์นี้ เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้ โดยร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่ถวายเพียงครั้งเดียวเป็นพอ
11ปุโรหิตทุกคนยืนปฏิบัติหน้าที่ของตน ถวายเครื่องสักการะซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ทุกวัน ซึ่งไม่มีวันที่จะลบล้างบาปทั้งปวงได้ 12แต่พระองค์ได้ถวายเครื่องสักการะครั้งเดียว เพื่อบาปทั้งปวงได้ตลอดกาล พระองค์นั่งที่เบื้องขวาของพระเจ้า 13และตั้งแต่นั้นมา ก็ได้รอจนกระทั่งศัตรูของพระองค์ถูกนำมาอยู่ใต้เท้าดั่งที่วางเท้าของพระองค์ 14เพราะพระองค์ได้ทำให้บรรดาผู้ที่ถูกชำระบริสุทธิ์เพียบพร้อมทุกประการตลอดกาลด้วยเครื่องสักการะเดียว
15พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันกับเราด้วย 16พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำไว้กับพวกเขาในอนาคต
เราจะให้กฎบัญญัติของเราประทับอยู่ในใจของเขา
และจะจารึกไว้ในความคิดของเขา”*
17พระองค์กล่าวอีกว่า
“เราจะไม่จดจำบาป
และการกระทำที่ชั่วร้ายของเขาอีกต่อไป”*
18บัดนี้ เมื่อมีการยกโทษสิ่งเหล่านี้แล้ว จึงไม่มีการถวายสิ่งใดๆ เพื่อชดใช้บาปอีกต่อไป

*8:5 จากฉบับอพยพ 25:40
*8:12 จากฉบับเยเรมีย์ 31:31-34
*9:5 เครูบ รูปปั้นที่ถูกสร้างขึ้นเป็นรูปกึ่งสัตว์กึ่งมนุษย์ และมีปีก มี 2 ตัว ตั้งอยู่ที่ 2 ข้างของหีบพันธสัญญาข้างละตัวปฏิบัติหน้าที่โดยเฝ้าหีบพันธสัญญาไว้
*9:20 จากฉบับอพยพ 24:8
*10:7 จากฉบับสดุดี 40:6-8
*10:16 จากฉบับเยเรมีย์ 31:33
*10:17 จากฉบับเยเรมีย์ 31:34
imgimg

คำสั่ง และ พระสัญญา

  • ท่านค้นพบคำสั่งอะไรจากพระเจ้าในเรื่องนี้
  • ลองจิตนาการว่าท่านอยู่ในเรื่องนี้ ท่านจะรู้สึกอย่างไรเมื่อท่านรับคำสั่งนี้จากพระเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวของท่านในวันนี้อย่างไร
  • ท่านค้นพบพระสัญญาอะไรจากพระเจ้าในเรื่องนี้ ท่านจะสามารถดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับพระสัญญาของพระองค์อย่างไร
  • วาดภาพเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระสัญญานี้มีความหมายกับท่านอย่างไร
พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับ 2016
สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012
โดย หน่วยงานพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่

© 2018 SourceView LLC.
11