เหนื่อยล้า ถูกตรึงบนไม้กางเขน และฟื้นคืนพระชนม์

ลูกา 23:1-24:53

img

231ที่ประชุมทั้งหมดจึงลุกขึ้นแล้วนำพระองค์ไปหาปีลาต 2เขาเหล่านั้นเริ่มกล่าวหาพระองค์ว่า

ศาสนสภา

พวกเราเห็นว่าชายผู้นี้เป็นผู้นำชาติของเราไปในทางที่ผิด เขาฝ่าฝืนการจ่ายภาษีให้แก่ซีซาร์และก็อ้างว่าเป็นพระคริสต์ กษัตริย์องค์หนึ่ง

3ดังนั้นปีลาตถามพระองค์ว่า

ผู้ว่าราชการโรมันปีลาต

ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ

พระองค์กล่าวตอบว่า

พระเยซู

เป็นตามที่ท่านพูด

4แล้วปีลาตประกาศต่อพวกมหาปุโรหิตและปวงชนว่า

ผู้ว่าราชการโรมันปีลาต

เราเห็นว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิด

5แต่เขาทั้งหลายยืนกรานว่า

ศาสนสภา

เขาทำให้ผู้คนทั่วแคว้นยูเดียปั่นป่วนวุ่นวายเพราะการสอนของเขา เขาเริ่มจากแคว้นกาลิลีและมาตลอดทางจนถึงที่นี่

6เมื่อปีลาตได้ยินเช่นนั้น เขาถามว่าชายผู้นี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่ 7เมื่อเขารู้ว่าพระเยซูอยู่ในแขวงที่เฮโรดปกครอง จึงได้ส่งพระองค์ไปยังเฮโรดซึ่งอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มด้วยในเวลานั้น 8เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซู ก็มีความยินดียิ่งเพราะใคร่จะได้เห็นพระเยซูมานานแล้ว และเท่าที่ได้ยินเรื่องราวของพระองค์มานั้น ท่านหวังจะเห็นการทำสิ่งอัศจรรย์จากพระองค์ 9จึงซักไซ้ไล่เลียงพระองค์ด้วยคำถามมากมาย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ 10พวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยก็กล่าวหาพระองค์อย่างรุนแรง 11เฮโรดและพวกทหารของท่านพากันหัวเราะเยาะและล้อเลียน เขาเอาเสื้อผ้าชุดที่ดูสง่า สวมให้พระองค์ แล้วจึงส่งกลับไปหาปีลาต 12จากวันนั้นเองเฮโรดและปีลาตก็กลายเป็นเพื่อนกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยเป็นศัตรูกัน
13ปีลาตได้เรียกมหาปุโรหิตประชุมร่วมกับพวกที่อยู่ในระดับปกครองและประชาชน 14และประกาศในที่ประชุมว่า

ผู้ว่าราชการโรมันปีลาต

ท่านนำชายผู้นี้มาราวกับว่าเขาเป็นผู้ยุยงประชาชนให้แข็งข้อ เราได้สอบถามเขาต่อหน้าท่านแล้ว และเราเห็นว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิดในสิ่งที่ท่านกล่าวหาเขา 15ทั้งเฮโรดก็เช่นกันจึงได้ส่งเขากลับมา พวกท่านก็เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดอันมีโทษถึงชีวิต 16ฉะนั้นเราจะลงโทษแล้วจึงปล่อยเขาไป

[ 17ปีลาตมีข้อผูกพันที่จะปล่อยชาย 1 คนให้พวกเขาในงานเทศกาล]*
18ผู้คนร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวว่า

ฝูงชน

กำจัดคนนี้เสีย ปล่อยบารับบัสให้พวกเราเถิด

19บารับบัสถูกโยนเข้าคุกก็เพราะการกบฏในเมืองและการฆาตกรรม 20ปีลาตต้องการจะปล่อยพระเยซูจึงได้กล่าวแย้งขึ้นอีก 21แต่ฝูงชนยังตะโกนอยู่อีกว่า

ฝูงชน

ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย*

22ปีลาตได้พูดอีกเป็นครั้งที่สามว่า

ผู้ว่าราชการโรมันปีลาต

ทำไมเล่า เขาทำอะไรชั่วร้ายหรือ เราไม่เห็นว่าเขาผิดจนต้องรับโทษถึงตาย ฉะนั้นเราจะให้เขารับโทษแล้วก็ปล่อยไป

23แต่ผู้คนยิ่งส่งเสียงดังรบเร้าให้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน แล้วเสียงตะโกนของพวกเขาก็สำเร็จผล 24ในที่สุดปีลาตก็กระทำตามมติมหาชน 25โดยปล่อยคนที่เคยติดคุกกรณีกบฏและฆาตกรรมตามคำเรียกร้อง และมอบพระเยซูให้แก่มหาชนตามความประสงค์ของพวกเขา
26ขณะที่เขาพาพระองค์ไปนั้นก็ได้คว้าตัวซีโมนชาวไซรีนซึ่งกำลังเดินทางมาจากบ้านนอก และวางไม้กางเขนบนหลังซีโมนเพื่อให้แบกตามพระเยซูไป 27ไม่เพียงหมู่สตรีซึ่งร้องคร่ำครวญและร้องไห้ฟูมฟายเท่านั้นที่ตามพระองค์ไป แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากอีกด้วย 28พระเยซูหันกลับมาเพื่อกล่าวกับเหล่าสตรีนั้นว่า

พระเยซู

ลูกหญิงของเมืองเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้เพื่อเราเลย จงร้องไห้เพื่อพวกเจ้าและลูกๆ ของเจ้าเองเถิด 29ด้วยว่าจะถึงเวลาที่เจ้าจะพูดว่า ‘พวกผู้หญิงที่เป็นหมัน ท้องที่ไม่เคยอุ้ม และอกที่ไม่เคยให้น้ำนมก็เป็นสุข’ 30แล้ว ‘เขาทั้งหลายจะพูดกับภูเขาว่า ปกคลุมเราเถิด และพูดกับเนินเขาว่า กลิ้งลงมาทับเราเถิด’* 31ถ้าหากว่าคนกระทำสิ่งเหล่านี้เมื่อต้นไม้ยังเขียวชอุ่ม แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมันแห้งลง

32ชายคนร้ายอีก 2 คนถูกนำตัวไปกับพระองค์ด้วยเพื่อประหาร 33เมื่อพวกเขามายังสถานที่ที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ ที่นั่นแหละที่พวกเขาตรึงพระเยซูร่วมกับคนร้าย คนหนึ่งทางด้านขวา และคนหนึ่งทางด้านซ้ายของพระองค์ 34พระเยซูกล่าวว่า

พระเยซู

พระบิดา ช่วยยกโทษให้แก่พวกเขาด้วยเถิด เพราะเขาไม่ทราบว่าเขากำลังกระทำสิ่งใด

แล้วเขาก็จับฉลากเพื่อแบ่งปันเสื้อตัวนอกของพระองค์ 35ประชาชนต่างยืนดู และแม้แต่พวกที่อยู่ในระดับปกครองยังพูดดูหมิ่นพระองค์ว่า

กลุ่มผู้นำชาวยิว

เขาช่วยให้คนอื่นๆ รอดพ้นได้ ถ้าหากว่าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า ผู้ที่พระเจ้าได้เลือกละก็ ให้เขาช่วยตัวเองเสียสิ

36พวกทหารก็ล้อเลียนพระองค์แล้วเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวมาให้ 37เขาพูดว่า

พวกทหาร

ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็ช่วยตัวเองให้รอดพ้นสิ

38เหนือร่างของพระองค์มีข้อความจารึกไว้ว่า “นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว”
39ผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งถูกตรึงอยู่ที่นั่นได้กล่าววาจาดูหมิ่นพระองค์ว่า

ผู้ร้ายคนที่ไม่ได้กลับใจ

ท่านไม่ใช่พระคริสต์หรอกหรือ ช่วยตัวท่านเองแล้วช่วยเราให้รอดพ้นด้วยสิ

40คนร้ายอีกคนห้ามเขาว่า

ผู้ร้ายคนที่ได้กลับใจ

เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ ในเมื่อเจ้าก็ถูกโทษเช่นเดียวกัน 41เราถูกลงโทษอย่างยุติธรรม เพราะว่าเราสมควรจะได้รับโทษตามสิ่งที่เราทำไป แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใดเลย

42แล้วเขาพูดว่า

ขโมยที่ได้กลับใจ

พระเยซู เวลาพระองค์เข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเถิด

43พระเยซูตอบเขาว่า

พระเยซู

เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า วันนี้เจ้าจะไปอยู่กับเราในสวนสวรรค์

44ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน แต่ความมืดปกคลุมไปทั่วแผ่นดินจนถึงบ่าย 3 โมง 45ดวงอาทิตย์หยุดส่องแสง ผ้าม่านในพระวิหารขาดออกเป็น 2 ท่อน 46พระเยซูร้องเสียงดังว่า

พระเยซู

พระบิดา ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในมือของพระองค์ด้วย

พระองค์กล่าวจบพร้อมกับหายใจเฮือกสุดท้าย 47นายร้อยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สรรเสริญพระเจ้าและพูดว่า

นายร้อย

จริงทีเดียว ชายผู้นี้เป็นผู้มีความชอบธรรม

48เมื่อคนทั้งปวงที่ได้ชุมนุมกันเพื่อจะดูเหตุการณ์เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทั้งหลายจึงตีอกตนเองแล้วก็จากไป 49คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ รวมทั้งพวกผู้หญิงซึ่งได้ติดตามพระองค์ไปจากแคว้นกาลิลีก็ยืนอยู่ห่างๆ เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านั้น
50มีชายผู้หนึ่งชื่อโยเซฟซึ่งเป็นสมาชิกในศาสนสภา เป็นคนดีและมีความชอบธรรม 51โยเซฟไม่เห็นด้วยกับการตัดสินและการกระทำของเขาเหล่านั้น เขาเป็นชาวเมืองอาริมาเธียซึ่งเป็นเมืองของชาวยิว และกำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า 52เขาไปหาปีลาตเพื่อขอร่างของพระเยซู 53เขาวางร่างลงแล้วพันหุ้มด้วยผ้าป่าน ใส่ในถ้ำเก็บศพซึ่งเจาะเข้าไปในหินและยังไม่เคยมีร่างอื่นวางไว้มาก่อน 54วันนั้นเป็นวันจัดเตรียมซึ่งใกล้วันสะบาโตแล้ว* 55พวกผู้หญิงที่มากับพระเยซูจากแคว้นกาลิลีก็ตามโยเซฟไป และเห็นถ้ำเก็บศพ อีกทั้งเห็นด้วยว่าเขาวางร่างของพระองค์ไว้อย่างไร 56แล้วเขาเหล่านั้นจึงกลับบ้านไปเพื่อเตรียมเครื่องหอมกับน้ำหอม และจะพักผ่อนในวันสะบาโตตามพระบัญญัติ
241รุ่งอรุณวันแรกของสัปดาห์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่ได้เตรียมไว้ไปยังถ้ำเก็บศพ 2พวกนางพบว่า หินได้กลิ้งพ้นจากทางเข้าถ้ำเก็บศพแล้ว 3แต่เมื่อได้เข้าไปข้างในก็ไม่พบร่างของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า 4ขณะที่กำลังฉงนใจอยู่ ในทันใดนั้นก็มีชาย 2 คนยืนอยู่ข้างๆ มีเครื่องนุ่งห่มอันเป็นประกายเจิดจ้า 5นางเหล่านั้นตกใจและก้มหน้าลงซบพื้น ชายทั้งสองพูดขึ้นว่า

ทูตสวรรค์สององค์

ทำไมพวกท่านจึงแสวงหาคนเป็นในเหล่าคนตาย 6พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ เพราะได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว จงระลึกถึงสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้กับท่านขณะที่ยังอยู่กับท่านในแคว้นกาลิลี 7‘บุตรมนุษย์จะต้องตกอยู่ในมือของพวกคนบาป จะถูกตรึงบนไม้กางเขน และในวันที่สามจะฟื้นคืนชีวิตอีก’

8หญิงเหล่านั้นจึงระลึกถึงคำพูดของพระองค์ได้ 9เมื่อพวกเขากลับจากถ้ำเก็บศพก็ได้เล่าให้อัครทูตทั้งสิบเอ็ดและผู้ติดตามทั้งปวงฟังด้วย 10ผู้ที่บอกเหตุการณ์นี้กับพวกอัครทูตคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆ ที่อยู่กับพวกเขา 11แต่พวกเขาไม่เชื่อและคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล 12อย่างไรก็ตาม เปโตรได้ลุกขึ้นวิ่งไปยังถ้ำเก็บศพ และขณะที่ก้มมองดูข้างใน เขาก็เห็นผ้าป่านเป็นแถบยาวเท่านั้นที่กองอยู่ แล้วเปโตรก็เดินจากไป คิดฉงนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น
13ในวันเดียวกันนั้นเองสาวก 2 คนได้เดินทางไปยังหมู่บ้าน ชื่อเอมมาอูสซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเยรูซาเล็ม 11 กิโลเมตร 14เขาทั้งสองกำลังคุยกันเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้น 15ขณะที่คุยโต้ตอบกันอยู่นั้น พระเยซูเองเดินเข้ามาใกล้และร่วมเดินทางไปด้วยกัน 16แต่ด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาทั้งสองจำพระองค์ไม่ได้ 17พระองค์ถามว่า

พระเยซู

ท่านเดินคุยอะไรกันอยู่

เขาทั้งสองหยุดยืนนิ่งหน้าสลด 18คนที่ชื่อเคลโอปัสถามพระองค์ว่า

เคลโอปัส

ท่านเป็นผู้เยี่ยมเยียนเมืองเยรูซาเล็มเพียงผู้เดียวเท่านั้นหรือที่ไม่ทราบถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นที่นั่น

19พระองค์ถามว่า

พระเยซู

สิ่งใด

เขาตอบว่า

เคลโอปัส&เพื่อนของเขา

เกี่ยวกับพระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ พระองค์เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้มีอานุภาพทั้งวาจาและการกระทำต่อหน้าพระเจ้าและคนทั่วไป 20พวกมหาปุโรหิตและพวกที่อยู่ในระดับปกครองของเราได้มอบพระองค์ไปให้ประหาร แล้วเขาทั้งหลายก็ตรึงพระองค์บนไม้กางเขน 21พวกเราได้แต่หวังว่าพระองค์เป็นผู้ที่จะไถ่อิสราเอล และยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นวันที่สามตั้งแต่สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้น 22อีกอย่างคือพวกผู้หญิงบางคนในหมู่เราทำให้เราแปลกใจที่วันนี้เขาไปยังถ้ำเก็บศพกันแต่เช้าตรู่ 23แต่ก็ไม่พบร่างของพระองค์ แล้วยังมาบอกพวกเราว่า ได้เห็นเหล่าทูตสวรรค์ในภาพนิมิต แจ้งการคืนชีวิตของพระเยซู 24เพื่อนของเราบางคนได้ไปที่ถ้ำเก็บศพก็เห็นว่าเป็นจริงตามที่พวกผู้หญิงได้พูดไว้ คือไม่เห็นพระองค์

25พระเยซูกล่าวกับเขาทั้งสองว่า

พระเยซู

เจ้าคนเขลา เจ้าช่างเชื่อยากนักกับสิ่งทั้งปวงที่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้พูดไว้ 26จำเป็นไม่ใช่หรือ ที่พระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้ แล้วจึงเข้าสู่พระบารมีของพระองค์

27พระองค์จึงได้อธิบายให้พวกเขาฟังสิ่งที่พระคัมภีร์ระบุไว้เกี่ยวกับพระองค์โดยทั่ว โดยเริ่มจากฉบับที่โมเสสบันทึกไว้ อีกทั้งฉบับของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่าน
28เมื่อจวนจะถึงหมู่บ้านที่กำลังจะไป พระเยซูแสดงทีท่าว่าจะเดินทางต่อไปอีก 29แต่เขาได้คะยั้นคะยอพระองค์ว่า

เคลโอปัส&เพื่อนของเขา

อยู่กับพวกเราเถิด นี่ก็จวนค่ำแล้ว ตะวันจวนจะตกแล้ว

พระองค์จึงเข้าไปพักอยู่กับพวกเขา 30เมื่อพระเยซูเอนกายลงรับประทานกับเขาทั้งสอง พระองค์ได้หยิบขนมปัง แล้วกล่าวขอบคุณพระเจ้า บิและยื่นให้แก่เขา 31เขาก็รู้แจ้งและจำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็หายร่างไปจากสายตาของเขา 32พวกเขาต่างก็ถามกันและกันว่า

เคลโอปัส&เพื่อนของเขา

ใจของพวกเราไม่เร่าร้อนกันบ้างหรือ ขณะที่พระองค์พูดกับเราที่ถนน และอธิบายความหมายในพระคัมภีร์ให้เราฟัง

33เขาทั้งสองลุกขึ้น แล้วก็กลับไปยังเมืองเยรูซาเล็มทันที และได้พบกับอัครทูตทั้งสิบเอ็ดและคนอื่นๆ ร่วมประชุมอยู่ด้วยที่นั่น 34พวกเขาพูดกันว่า

สาวกของพระเยซูสิบคน

พระเยซูเจ้าฟื้นคืนชีวิตแล้วจริงๆ และได้ปรากฏแก่ซีโมน

35แล้ว 2 คนนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ว่าพวกเขาจำพระองค์ได้ ก็ตอนที่พระองค์บิขนมปังนั่นเอง
36ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังพูดกันอยู่ พระเยซูก็ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและกล่าวว่า

พระเยซู

สันติสุขจงอยู่กับเจ้า

37พวกเขาตกใจกลัวคิดว่าเป็นผี 38พระองค์กล่าวขึ้นว่า

พระเยซู

ทำไมพวกเจ้าจึงคิดกังวลและมีความสงสัยอยู่ในใจ 39ดูมือและเท้าของเราสิ นี่เป็นตัวเราเอง แตะต้องตัวเราดู ผีไม่มีเนื้อหนังและกระดูกเหมือนที่เห็น

40พระองค์กล่าวจบแล้วก็ให้พวกเขาดูมือและเท้าของพระองค์ 41เขาเหล่านั้นก็ยังไม่เชื่อ แต่ก็ยังรู้สึกยินดี อีกทั้งประหลาดใจอยู่ พระองค์ก็ถามเขาว่า

พระเยซู

เจ้ามีอะไรรับประทานที่นี่บ้างไหม

42เขาทั้งหลายให้ปลาย่างชิ้นหนึ่งแก่พระองค์ 43พระองค์ก็รับประทานต่อหน้าพวกเขา
44พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า

พระเยซู

สิ่งที่เราได้บอกเจ้าไว้ขณะที่เรายังอยู่กับเจ้าก็คือ ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในหมวดกฎบัญญัติของโมเสส หมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และหมวดสดุดี จะเกิดขึ้นสำเร็จตามนั้น*

45ครั้นแล้วพระองค์ก็ทำให้เขาเหล่านั้นเข้าใจถึงพระคัมภีร์ 46และพระองค์กล่าวว่า

พระเยซู

นี่คือสิ่งที่บันทึกไว้ พระคริสต์จะทนทุกข์ทรมานและฟื้นคืนชีวิตจากความตายในวันที่สาม 47การกลับใจและการยกโทษบาปจะถูกประกาศแก่ชนทุกชาติในพระนามของพระองค์ เริ่มจากเมืองเยรูซาเล็ม 48พวกเจ้าเป็นพยานของสิ่งเหล่านี้ 49เรากำลังจะส่งคำมั่นสัญญาซึ่งพระบิดาของเราได้ให้ไว้สำหรับพวกเจ้า แต่จงอยู่ในตัวเมืองจนกว่าเจ้าจะพร้อมด้วยอานุภาพจากเบื้องบน

50พระองค์นำพวกเขาออกไปยังใกล้เขตหมู่บ้านเบธานีแล้วยกมือขึ้นอำนวยพรให้ 51ขณะที่อำนวยพรพวกเขา พระองค์ก็จากไป และถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ 52เขาทั้งหลายนมัสการพระองค์และกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง 53และอยู่ที่พระวิหารเรื่อยไป และสรรเสริญพระเจ้า


*23:17 […] สำเนาโบราณบางฉบับมีข้อความตอนนี้รวมอยู่ด้วย
*23:21 ตรึงบนไม้กางเขน เป็นการตายที่ทารุณและเจ็บปวดที่สุดที่ชาวโรมันรู้จัก ใช้เฉพาะฆาตกรรายเหี้ยมที่สุด และตามกฎแล้วประชาชนชาวโรมันเองไม่ต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน
*23:30 ฉบับโฮเชยา 10:8
*23:54 วันจัดเตรียม เป็นวันศุกร์ ในเมื่อชาวยิวไม่สามารถทำงานในวันสะบาโต จึงใช้วันศุกร์เป็นวันจัดเตรียมเพื่อฉลองวันสะบาโต และวันสะบาโตเริ่มหลังจากตะวันตกดินของวันศุกร์
*24:44 ทั้ง 3 หมวดนี้รวมกันเป็นพันธสัญญาเดิมที่ครบบริบูรณ์
imgimg

เปิดพระคำพระเจ้า

  • ท่านชอบอะไรเกี่ยวพระคัมภีร์ตอนนี้
  • ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับทางของพระเจ้า
  • ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับบุคคลหลักในพระคัมภีร์ตอนนี้
  • ท่านอยากจะตอบสนองต่อที่สิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระคำตอนนี้อย่างไร
พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับ 2016
สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012
โดย หน่วยงานพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่

© 2018 SourceView LLC.
11